บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (25 ต.ค.) ว่า ตลาดจะผันผวนน้อยลง นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด โดยปัจจัยบวกของตลาดที่สำคัญยังคงเป็นปัจจัยในประเทศ นั่นคือ แนวโน้มและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยที่ยังดีอยู่ รวมทั้งมีการเข้ามาเก็งผลประกอบการไตรมาส 3 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศหรือตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ ยังให้ความสนใจและรอดูการประกาศชื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ หากเป็น Kevin Warsh หรือ John Taylor ดอลล่าร์จะแข็งค่า เป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 26 ต.ค. เพื่อติดตามสัญญาณการปรับลด QE หลังเฟดกำหนดวันที่จะเริ่มดำเนินการไปแล้ว
ทั้งนี้คาดว่า การพักตัวของตลาดอาจจบลง หากวันนี้ ดัชนีฯยืนเหนือ 1,700 จุดได้อย่างมั่นคง ในกลยุทธ์การลงทุน ควรเป็นในลักษณะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวก (selective buy) โดยแนะให้ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามากและมีปัจจัยหนุนที่ไม่มากพอให้ไปต่อได้ เพื่อเปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นที่ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค (กลุ่มค้าปลีก) และหุ้นที่อิงมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐฯ เช่นกลุ่มนิคมฯ ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ในรอบนี้
ส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี แม้จะประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมาเกิน 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะทำให้ Margin ในไตรมาส 4 ให้ลดลง แม้ราคาหุ้นปรับขึ้นมามากแต่ในระยะสั้นๆ จะมีการเข้ามาเก็งกำไรต่องบไตรมาส 3 ที่จะออกมาดีมาก และเป็นกลุ่มที่นักลงทุนขนาดใหญ่เข้าลงทุนในช่วงนี้ จึงสามารถเข้าลงทุนได้ แต่ควรเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ CPALL, BCH, WHA, M, ASAP, RS