(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up ตามตลาดตปท.หลัง ECB ปรับลด QE แบบค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 27, 2017 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เนื่องจากตลาดต่างประเทศเป็นบวก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.3-0.4% ซึ่งจะบวกในตลาดแถบเอเชียเหนือเป็นส่วนใหญ่ ภายหลังจากที่ผลกำไรของบริษัทในสหรัฐฯเป็นบวก และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้มีการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบันมีวงเงินการทำ QE อยู่ 60,000 ล้านยูโร/เดือน จะให้คงไว้ถึงสิ้นปีนี้ และจะลดขนาด QE ลงเหลือ 30,000 ล้านยูโร/เดือน ในม.ค.ปีหน้า ซึ่งจะทำต่อไปจนถึงก.ย.61 แต่หากมีความจำเป็นก็ยังสามารถขยายการทำ QE ได้

พร้อมกันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/60 ของสหรัฐฯที่จะประกาศวันนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์หน้า และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย

นอกจากนี้ ให้ติดตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ขณะนี้เริ่มแข็งค่าแล้ว และการปรับขึ้นของ Bond yield ที่ขณะนี้อยู่มากกว่า 2.4% แล้ว ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเริ่มเห็นชัดขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกมา และอาจทำให้ตลาดผันผวน

พร้อมให้แนวรับ 1,700-1,705 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,712 ถัดไป 1,718-1,720 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,400.86 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด (+0.31%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,560.40 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,556.77 จุด ลดลง 7.12 จุด (-0.11%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 163.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 22.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 130.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.32 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ต.ค.60) 1,708.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด (+0.41%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,726.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ต.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ต.ค.60) ที่ 7.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.29 อ่อนค่าจากดอลล์แข็ง หลัง ECB มีมติคงดอกเบี้ย มองกรอบวันนี้ 33.25-33.35
  • คลังเตรียมออกกฎหมายดึงเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มาเก็บไว้ในบัญชีเงินคงคลัง ระบุปัจจุบันยังไม่มีหลักเกณฑ์การบริหารจัดการทำให้ไม่มีการบริหารบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
  • นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพียงแต่อาจจะยังกระจายไม่ทั่วถึง จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการภาคธุรกิจยานยนต์ในพื้นที่บางส่วน ก็พบว่าภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เคยเพิ่มการผลิตเพื่อสต็อกสินค้ารองรับโครงการรถยนต์คันแรก แบกภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อหลายปีก่อนก็เริ่มปรับตัวได้ สามารถลดสต็อกสินค้าที่เคยมีไว้มากลงแล้ว
  • แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยเบี้ยประกันวินาศภัยในช่วง 8 เดือนของปี 2560 ว่า ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยรับรวม 1.43 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.79% ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนมีการซื้อประกันภัยทุกประเภทเพิ่มขึ้น
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 61 ซึ่งเริ่มต้นเดือน ต.ค.60 จนถึงเดือน ก.ย.61 กรมได้รับมอบหมายจัดเก็บรายได้ตลอดทั้งปีงบประมาณ 600,000 ล้านบาทนั้น มั่นใจว่าจะจัดเก็บรายได้ตามเป้า เนื่องจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้ถึงปีหน้าดีขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SUSCO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 5.50 บาท หลังราคาหุ้นรับข่าวร้ายจากค่าใช้จ่ายพิเศษทางภาษีเมื่อ 2Q60 เชื่อว่า SUSCO กำลังกลับสู่ช่วงการเติบโตผลกำไรอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดผลกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q60 และมีการเติบโต EPS เฉลี่ย 19% ต่อปี ในช่วงปี 2561-2563 โดยเป็นหุ้นราคาไม่แพง (PE ปี 2561 11 เท่า) แต่แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่ง
  • BDMS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร" แนวต้านบริเวณ 21.80 บาท คาดผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโต YoY, QoQ จากทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10%YoY และ EBITDA margin (%) ที่สูงขึ้นตามดัชนีความซับซ้อนของโรค (Case mix index) ในขณะที่คาด Margin(%) จะค่อยๆ ดีขึ้น ในปี 2561 จากการ Break even ของโรงพยาบาลในเครือต่างจังหวัดกว่า 10 โรง สำหรับอุตสาหกรรมโรงพยาบาล มองว่า BDMS จะได้ประโยชน์จากจำนวนสาขาที่สูงสุดในประเทศประมาณ 45 โรง (ประมาณ 6,000 เตียง) ครอบคลุมทุกภูมิภาค
  • CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 93 บาท (ยังไม่รวม Upside จากการร่วมทุนกับ DTC) จุดแข็งคือ ศูนย์การค้าที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และมีการปรับปรุงศูนย์เดิมต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม Occupancy rate และค่าเช่า คาดกำไรปีนี้ +8% Y-Y อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ก่อนจะโตแรง 23% Y-Y อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ในปีหน้า จากการรับรู้รายได้จากคอนโดฯ 3 แห่ง และหลังจากนี้จะพัฒนาที่อยู่อาศัยอีกปีละ 3 แห่งเพื่อใช้พื้นที่ของศูนย์ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ