ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,716.81 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด (+0.47%) มูลค่าการซื้อขาย 31,624.29 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดภาคเช้า โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,721.88 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,712.02 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นไปตามทิศทางเดียวกับของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันดิบโลก Brent ปรับตัวขึ้นแตะ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโครเคมีปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนีฯได้ราว 4 จุด
นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ส่วนใหญ่จะทยอยเข้าซื้อในช่วงปลายปีช่วยผลักดันต่อดัชนีฯได้ในระยะสั้น จากที่ปัจจุบันกระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นเริ่มชะลอตัว จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศเรื่องผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะทยอยลดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งยังเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดภูมิภาค เพราะยังมีการเติมสภาพคล่องเข้ามาจาก ECB แต่ในปริมาณที่ลดลง
ด้านน.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันนี้เป็นบวกต่อเนื่อง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ภายหลังจากที่ผลการประชุมECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และการขยายเวลาในการทำ QE ออกไปอีก 9 เดือน มองว่าเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ Fund Flow ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของกองทุน พร้อมให้ติดตามสถานการณ์ในสหรัฐฯมากขึ้น เช่น การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐชาต คาดว่า ดัชนีฯยังจะสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่องจากช่วงเช้าได้ จาก Sentiment ของตลาดที่ยังเป็นเชิงบวกอยู่ และยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามากดดัน พร้อมให้แนวต้าน 1,730 จุด แนวรับ 1,710 จุด
ส่วน น.ส.ธีรดา คาดว่า ดัชนีฯอาจเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากช่วงเช้าปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ยังมีโอกาสที่จะผันผวนในแดนบวกได้ โดยให้แนวต้าน 1,725 จุด ส่วนแนวรับ 1,710 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BCPG มูลค่าการซื้อขาย 1,294.18 ล้านบาท ปิดที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,261.68 ล้านบาท ปิดที่ 414.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
TOA มูลค่าการซื้อขาย 1,047.39 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 865.68 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 857.30 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท