ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้า ร่วงลง 10 จุด หลังจากดีดขึ้นได้ในช่วงเปิดตลาด แต่แรงขายหุ้นขนาดใหญ่ที่มีออกมาทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ ,สื่อสาร และบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) กดดันต่อภาพรวมการลงทุน สวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวก ด้านโบรกเกอ ร์มองตลาดหุ้นมีแรงขายตามปกติหลังดีดตัวขึ้นมามาก ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนเริ่มชะลอตัวลง แต่ภาพรวมยังไม่น่ากังวลมากนัก
เมื่อเวลา 10.39 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,705.65 จุด ลดลง 10.38 จุด (-0.60%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.01 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,712.14 จุด ลดลง 3.89 จุด (-0.23%)
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรตามปกติ หลังจากที่ดีดตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวก ซึ่งการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงโดยไม่มีข่าวเข้ามากดดันก็มองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เพราะภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะกลางถึงยาวยังเป็นบวกอยู่
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยชะลอตัวลงบ้างหลังสัญญาณของนักลงทุนเริ่มพักตัวชัดเจน โดยนักลงทุนต่างประเทศยังมีแรงขายออกมาในช่วงก่อนวันหยุด ส่วนสถาบันในประเทศที่มีการซื้อสุทธิติดต่อกัน 4 วันทำการจากแรงหนุนของเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แต่เมื่อดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นเหนือ 1,700 จุด ทำให้แรงซื้อจาก LTF ชะลอตัวลง และน่าจะกลับมาขับเคลื่อนตลาดได้อีกครั้งเมื่อดัชนีต่ำกว่าระดับ 1,700 จุด
ประกอบกับพอร์ตโบรกเกอร์ ก็มีมูลค่าซื้อขายที่ลดลงเช่นกัน ทำให้คงเหลือแรงซื้อจากกลุ่มรายย่อย ที่เข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/60 แต่ก็มีกำลังซื้อไม่มากนักทำได้เพียงประคองตลาดไม่ให้ปรับลดลงแรงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมองว่าการชะลอตัวลงของตลาดไม่ได้สร้างความกังวลมากนัก โดยมองแนวรับของวันนี้ที่ 1,705 จุด และระยะสั้นของสัปดาห์นี้ ดัชนีไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 1,690 จุด โดยมีแนวต้านระดับ 1,720 จุด