นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามา ขณะเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดบวก-ลบ
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการลงทุนจะเห็นได้ว่าสินทรัพย์เสี่ยงค่อนข้างผ่อนคลาย หลังจากที่ตลาดให้น้ำหนักชื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คนใหม่ไปที่นายเจอโรม พาวเวล ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวลง แต่ก็ไม่มีผลต่อผลตอบแทนพันธบัตรของไทย เพราะของไทยต่ำอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะมีแรงขายตราสารหนี้ต่อไป ซึ่งส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเข้าเล่นเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณการฟื้นตัวได้ อย่างหุ้น BBL พร้อมแนะ"เก็งกำไร"หุ้น CPALL และ MTLS โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,707-1,724 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,348.74 จุด ลดลง 85.45 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,572.83 จุด ลดลง 8.24 จุด (-0.32%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,698.96 จุด ลดลง 2.30 จุด (-0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 114.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 89.19 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.95 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ต.ค.60) 1,718.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด (+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,182.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 54.15 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ต.ค.60) ที่ 7.47 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.22/24 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากกระแสข่าวประธานเฟดคนใหม่-รอผลประชุมหลายธนาคารกลาง
- สศค. มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 3.8% ย้ำเป็น "ปีทองการลงทุน" ประเมินการลงทุนรัฐจ่อโตอีก 11.9% ผลพวงจากการลงทุนใน "อีอีซี" ส่วนลงทุนเอกชน คาดขยายตัว 3.4% พร้อมปรับเพิ่ม "จีดีพี" ไทยปีนี้เป็น 3.8% จากส่งออก-ท่องเที่ยวโตเกินคาด ขณะ เศรษฐกิจเดือน ก.ย.เริ่มกระจายตัวมากขึ้น หนุน "จีดีพี" ไตรมาส 3 โตดี
- ค่ายรถพร้อมรับมือเทคโนโลยีโลกเปลี่ยนแปลงกระแสรักษาสิ่งแวดล้อม ลดเชื้อเพลิงฟอสซิลมาแรง ส่งสินค้าปูทางสร้างการรับรู้จากผู้บริโภค ฮอนด้าประกาศยื่นขอส่งเสริมการลงทุนไฮบริดในไทยเป็นรายที่ 2 ต่อจากโตโยต้า ด้าน นิสสัน เตรียมส่งรถอีวี "ลีฟ" ลุยตลาดรายแรก เบนซ์ บีเอ็มฯ วอลโว่ โหมปลั๊กอิน-ไฮบริด ดันสัดส่วนการขายพุ่ง
- ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 3 ปี 2560 (ก.ค.-ก.ย. 2560) ขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 โดยทุกสาขามีการขยายตัวเพิ่ม โดยสาขาพืชขยายตัวมากที่สุดถึง 7.4% โดยเฉพาะข้าวนาปี ภาคประมงติดลบ
- ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (บอร์ด กทบ.) อนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านฯ ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐอีก 1,151 ล้านบาท ให้แก่ 5,768 กองทุน รวม 6,027 โครงการ
- แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนข.อยู่ระหว่างศึกษาออกแบบทางรถไฟสายใหม่ เชื่อมทะเลฝั่งอาวไทยและอันดามัน ช่วง อ.ดอนสัก-จ.สุราษฎร์ธานี วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ตลอดจนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเดินทางของประชาชน
- "เกศรา" ชี้หุ้นไทยทะลุ 1,700 จุด ไม่ใช่ภาวะร้อนแรง เหตุปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ขณะหวังเพิ่มมูลค่าการซื้อขายถึง 1 แสนล้านบาท/วัน ฟุ้งมาร์เกตแคปหุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ หรือ IPO ปีนี้จะสูงทะลุเป้าหมาย 350,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 250,000 ล้านบาท แน่นอน พร้อมปรับระบบการขึ้นเครื่องหมายแจ้งเตือนนักลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนปี 2561 มีแนวโน้มทรงตัว คาดว่าขยายตัว 3.2% เนื่องจากปัจจัยหนุนการบริโภคที่ไม่ได้ปรับดีขึ้นจากปีนี้มากนัก
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 60 บาท.บอร์ดเห็นชอบขอรัฐบาลบริหารสนามบินเพิ่มอีก 15 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสนามบินให้ดีขึ้น (ปัจจุบัน 6 สนามบินมีส่วนแบ่งตลาด 86% จากทั้งหมด 38 สนามบินในประเทศ) อย่างไรก็ดีมองเป็นกลยุทธ์ระยะยาว ขณะที่ระยะสั้นกำไรยังถูกขับเคลื่อนโดยยอดผู้โดยสารที่เติบโต, รายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น
- MCS (ไอร่า) เป้า 18.60 บาท แนวโน้ม 2H/60 กำไรสุทธิโดดเด่น คาดอยู่ที่ 506 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 17 ล้านบาท เมื่อ 1H/60 โดยคาดการส่งมอบผลิตภัณฑ์ช่วง 3Q/60 – 4Q/60 อยู่ที่ 13,000 ตัน และ 20,000 ตัน ตามแผนการส่งมอบที่ MCS เตรียมผลิตไว้ในช่วง 1H/60 ซึ่งฟื้นตัวโดดเด่นจาก 1Q/60 และ 2Q/60 ที่ต่ำเพียง 1,000 ตัน และ 6,822 ตัน ตามลำดับ ทำให้คาดปริมาณขายในปี 60 อยู่ที่ ประมาณ 40,000 ตัน และเพิ่มขึ้น 25% อยู่ที่ 50,000 ตัน ในปี 61 และ MCS มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และจ่ายปันผลเป็นประจำ คาดเงินปันผล จำนวน 0.80 บาท และ 1.00 บาท/หุ้น ในปี 60
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 256 บาท คาดกำไรปี 2561 ดีสุดในรอบ 5 ปี +15% Y-Y จากขยายตัวของสินเชื่อตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่นำโดยการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น สะท้อนจากการลดประมาณการ credit cost มาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ปัจจัยบวกข้างต้นหักล้างแนวโน้มกำไร 4Q60 ที่คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี จากการตั้งสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
- AGE (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังยืนยันการผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 1/60 ไปแล้ว และดีขึ้นเป็นขั้นบันได การหยุดประกอบธุรกิจชั่วคราวของผู้เล่นรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดถ่านหินรายย่อยถึง 40% ทำให้ AGE ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ที่ 27% ได้ประโยชน์ โดยปริมาณขายถ่านหินเฉลี่ยไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นถึง 30% QoQ และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/60