โดยบริษัทได้ตั้งสำรองแล้วบางส่วนตั้งแต่ ธ.ค. 51-มิ.ย.60 ไว้จำนวน 351 ล้านบาท แต่ยังไม่ครอบคลุมความเสียหายจึงต้องตั้งสำรองเพิ่ม และหลังจากนี้ บริษัท เทคเนอร์ จำกัด จะไม่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทแล้ว ตามคำสั่งศาล และ PLE จะไม่มีภาระผูกผันกับเทคเนอร์อีกแล้ว ถือว่าเป็นผลดีกับ PLE
นายเสวก กล่าวว่า PLE อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารทั้ง 2 แห่งเพื่อให้ธนาคารให้การสนับสนุนวงเงินกู้ระยะเวลา ผ่อนชำระ 5 ปี เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว และทางเทคเนอร์จะดำเนินการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลพิจารณาลดหย่อนในส่วนของดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นส่วนที่ทำให้ภาระหนี้ตามคำพิพากษาเดิมลดลง
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ขายหุ้นบริษัท บำรุงเมืองพลาซ่า จำกัด(BMP) โครงการศูนย์การค้า SOHO ซึ่งบริษัทได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น BMP จำนวน 99.99% ให้กับบมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) โดยดีลนี้จะเสร็จสิ้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ที่ทาง THG จะชำระอีก 1,600 ล้านบาท หลังจากวางมัดจำแล้ว 500 ล้านบาท รวมกรอบวงเงิน 2,100 ล้านบาท ซึ่งจะรวมทั้งขำระค่าหุ้นและการชำระหนี้ของ SOHO แทน PLE ซึ่งเป็นหนี้ธนาคารราว 400 ล้านบาท แต่ขึ้นกับ THG จะใช้แบ่งจ่ายเป็นค่าหุ้นและชำระหนี้สัดส่วนอย่างไร จึงจะคำนวณผลกำไรจากการรขายครั้งนี้ ทั้งนี้ ดีลนี้จะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดมากกว่า 1 พันล้านบาท นายเสวก กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า หลังการแก้ปัญหาทั้งสองบริษัทเสร็จสิ้นแล้ว PLE จะไม่มีปัญหาเก่าๆมาฉุดบริษัทอีก โดยที่ผ่านมาบริษัทต้องแบกรับภาระขาดทุน BMP ปีละ 100 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนสะสม แต่ได้แก้ไขจนหมดแล้ว จากการแปลงหนี้เป็นทุน และขายหุ้นออกไปได้ ทั้งนี้ บริษัทจะเดินหน้าธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่จากต่างชาติ เพื่อเข้าไปรับงานสาธารณูปโภคที่จะทยอยประมูลออกมาอีกในปี 61 ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ รอบ 2 , โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม
ที่ผ่านมา PLE จับมือกับบริษัทไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานระบบย่อย) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดย PLE มีสัดส่วน 51% และจีน 49% ซึ่งคาดว่าจะได้เริ่มงานในต้นปีหน้า มีระยะเวลาก่อสร้าง 22 เดือน และล่าสุดได้งานก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2.6 พันล้านบาทจากราคากลาง 2.8 พันล้านบาท
"เราจะเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐ และงาน PPP แต่เข้าไปเองไม่ได้เรายังไม่แข็งแรง เราก็จะร่วมกับต่างชาติ เป็นบริษัทจีน ซึ่งเขาอยากได้งานเยอะ ที่ผ่านมาก็ร่วมกับจีนเข้าประมูลงานรถไฟทางคู่ งานสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 "นายเสวก กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตร บริษัทจะคัดเลือกพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญธุรกิจนั้นๆ โดยบริษัทได้กันหุ้นเพิ่มทุนกว่า 800 ล้านหุ้นให้กับพันธมิตรธุรกิจทั้ง 2 ธุรกิจ ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเจรจาทั้ง 2 ธุรกิจ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
"เรามีหุ้นเพิ่มทุนกว่า 800 ล้านหุ้นที่ขายแบบ PP จะขายให้กับ Strategic Partner เราเลือกพันธมิตร ที่ต้องเป็น Strategic Partner เพื่อให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแรงขึ้น มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ตอนนี้การเงินเราแข็งแรงขึ้น"นายเสวก กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร PLE คาดว่า ปี 61 จะเป็นปีที่บริษัทเติบโต โดยคาดว่า รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเติบโตมากกว่า 20% จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 7 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 5.4 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ในปัจจุบัน 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้ถึงปี 62 โดยสัดส่วนงานภาครัฐอยู่ที่ 60-70% ที่เหลือเป็นงานภาคเอกชน
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะเข้าร่วมทุนโครงการที่มีการดำเนินการแล้วซึ่งบริษัทเจรจาเจ้าของโครงการพลังงานอยู่หลายราย โดยบริษัทจะร่วมลงทุนธุรกิจไฟฟ้าทุกประเภท อาทิ โรงไฟฟ้าขยะ โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
เช่นเดียวกันจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งระหว่างนี้หารือร่วมทุนเจ้าของโครงการรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งมีลูกค้าเข้ามาซื้อแล้วและเริ่มก่อสร้างแล้วคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในปีหน้า ซึ่งธุรกิจใหม่ที่เข้ามาจะช่วยกระจายความเสี่ยงธุรกิจ โดยธุรกิจพลังงานจะช่วยสร้างรายได้ประจำ
นายเสวก กล่าวว่า กำไรสุทธิปี 61 คาดว่าจะดีกว่าปี 60 โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 61 จะดีกว่าปีนี้หรือเพิ่มเป็น 10% ขึ้นไป และจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ในงวด 6 เดือนแรกปี 60 PLE มีรายได้ 2.88 พันล้านบาท เติบโต 20.7%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 46.53 ล้านบาท สูงกว่าช่วง 6 เดือนปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 28.15 ล้านบาท