นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) คาดผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจาก TVD ได้เริ่มปรับกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณามาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยรุกใช้สื่อโฆษณาผ่านช่องทีวีดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ด้าน Brand Awareness และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางการขายทุกช่องทาง นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกสินค้าที่จะโฆษณาและการจัดแพ็กเก็จสินค้าที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลาเพื่อกระตุ้นการขายในช่วงปลายปี ตลอดจนการนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อยอดขายในช่วงเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“หลังปรับกลยุทธ์มารุกใช้สื่อโฆษณาทางช่องทีวีดิจิทัล ส่งผลให้สินค้าที่ได้รับการโปรโมทผ่านสื่อมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกช่องทางการขาย โดยเราได้ปรับรูปแบบและเนื้อหาของหนังโฆษณาให้กระชับ เข้าใจง่ายและตอบโจทย์การสื่อสารได้ตรงใจผู้บริโภคและมีประสิทธิภาพสูงสุด หลังจากที่ได้เตรียมการและทดลองมากว่า 3 เดือน ผลที่ได้รับทำให้เรามั่นใจว่าจะสร้างยอดและผลกำไรได้ตามแผนในไตรมาสที่ 4" นายทรงพล กล่าว
ส่วนภาพรวมธุรกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจาก 1.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสนี้ 2.ตัวเลขอัตราหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในไตรมาส 2/60 ที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 78.4% จากปี 2558 ที่ตัวเลขเคยพุ่งขึ้นไปสูงกว่า 80% ซึ่งหากมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น
3.บริษัทฯ ยังพบว่าพฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มกลับมาใช้เวลาในการรับชมโทรทัศน์เพิ่มขึ้นแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิมแต่ก็มีปริมาณมากเพียงพอต่อการสร้าง CRITICAL MASS POINT ของทีวีช้อปปิ้งได้ ที่สำคัญมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเพราะการปรับตัวของทีวีดิจิทัลเองด้วย ทำให้บริษัทฯ สามารถวางกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณาผ่านสื่อทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ (O2O หรือ โอทูโอ) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลเพื่อกระตุ้นการขายสินค้าของทีวี ไดเร็คได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 ยังคงได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการใช้งบจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น