นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศอีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend (SCB Global Population Trend Fund หรือ SCBPOP) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCB Global Population Trend RMF หรือ SCBRMPOP) มูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่าง 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2560 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
ทั้ง 2 กองทุนนี้เน้นการลงทุนระยะยาวในตราสาร และ/หรือหลักทรัพย์ของธุรกิจที่ลงทุนได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรโลก (Global Demographic Trend) ที่สร้างโอกาสให้ผลกำไรยั่งยืน และมีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนหุ้นทั่วไป
นายสมิทธ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรโลกเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญในทศวรรษหน้าที่กำลังมาถึง และจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งนักลงทุนควรให้ความสำคัญในการรับมือ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลง 3 ด้านใหญ่ ได้แก่ 1.การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ที่จะส่งผลต่อการบริโภคปัจจัยยังชีพด้านต่างๆ ทั้งอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัยและพลังงาน 2. ชนชั้นกลางขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงความมั่งคั่งและมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในแบบก้าวกระโดดสูงกว่า GDP โลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ใช้จ่ายเพื่อตัวตนและสุขภาพมากขึ้น มีความต้องการบริการทางการเงิน เพื่อวางแผนการลงทุนและออมให้ชีวิตหลังเกษียณ และ 3. ซึ่งเป็นประการสำคัญคือ โลกจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยคาดว่าทั่วโลกจะมีมากกว่า 2 พันล้านคนในปี 2050
“ความต้องการของผู้สูงวัยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเวชภัณฑ์ โรงพยาบาล หรือการบริการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลายธุรกิจที่เชื่อมโยงถึงประชากรผู้สูงอายุ เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวพักผ่อน บริการวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณ และการประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น ดังนั้น แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ ทรัพยากร ตลอดจนโอกาสทางธุรกิจกับบรรดาธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่กำลังมาถึงนี้" นายสมิทธ์ กล่าว
ทั้งนี้กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend เพื่อการเลี้ยงชีพ ในช่วงแรกจะลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Global Demographics Fund บริหารโดย Fidelity International มีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนเติบโตระยะยาว กระจายการลงทุนไปในหุ้นบริษัททั่วโลกที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งการเพิ่มจำนวนประชากร การขยายตัวของชนชั้นกลาง และสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะให้น้ำหนักลงทุนหุ้นในกลุ่ม Healthcare และ Consumer ทั่วโลก ทั้งตลาดประเทศพัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ โดยเน้นการคัดกรองหลักทรัพย์จากปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกในหุ้นรายตัว ตลอดจนเน้นบริหารจัดการความผันผวนของพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง โดยหุ้นที่ลงทุน อาทิ Abbott Laboratories บริษัทยาและสินค้าสุขภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกา, L'Oréal และ Estée Lauder แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำจากฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ Colgate-Palmolive, Johnson&Johnson, Nestle เครือบริษัทสินค้าแฟชั่นพรีเมี่ยม LVMH เจ้าของแบรนด์สินค้า Louis Vuitton, Christian Dior, Hennessy, Sephora และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 15.6% ต่อปี 3 ปี อยู่ที่ 30.7% ต่อปี ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 26.1%ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิงอย่าง MSCI ACWI NR USD ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 18.6% ต่อปี 3 ปี อยู่ที่ 24.0 % ต่อปี ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 17.3 %ต่อปี (ที่มา : Fidelity ณ 30 กันยายน 2560)