นายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เชื่อว่าหุ้น TITLE ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก 2 พ.ย.60 นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เนื่องจากบริษัทฯมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับ 1 ของหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต และกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ลดความเสี่ยงจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง (57-59) อยู่ที่ 50%
ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน โดยมีแผนขยายโครงการไปยังทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการในทำเลที่ 2 คือ หาดในยาง และตั้งเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มทำเลที่ 3 อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ด้านนายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการสายงานวางแผนและควบคุม TITLE กล่าวว่า ภายหลังจากได้เงินจากการระดมทุนเข้ามาจะทำให้ TITLE มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และด้วยฐานรายได้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้มีโอกาสที่ผลประกอบการของบริษัทฯในปีต่อๆไปจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากศักยภาพและความสามารถในการซื้อที่ดินเพิ่มและผุดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องรอให้จบทีละโครงการจึงจะเริ่มผุดโครงการใหม่ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้ TITLE มีจุดแข็งที่แตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่น โดยเป็น TITLE อสังหาฯเพื่อการท่องเที่ยว มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 80% และการวางเงินดาวน์ที่สูง 75% ก่อนจึงจะสามารถโอนห้องชุดได้ ส่งผลให้หมดปัญหาการโอนเพราะไม่มีปัญหาเรื่องการปฏิเสธสินเชื่ออย่างแน่นอน รวมถึงปัญหาการทิ้งดาวน์ด้วย ที่สำคัญคือทำให้บริษัทฯมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในโครงการ จึงทำให้ภาพรวมของโครงการมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำมาก ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อหุ้น TITLE เข้าซื้อขายในวันแรกนี้จะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนักลงทุน
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TITLE คาดว่าเมื่อ TITLE เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรกจะประสบความสำเร็จและให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน เนื่องจากในช่วงเปิดขายหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.60 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ทำให้เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ประกอบกับ TITLE มีจุดแข็งในการบริหารงาน ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (57-59) อยู่ที่ 50% เนื่องจาก TITLE บริหารโครงการเอง ไม่ผ่าน contractor ทำให้ไม่เสียค่าดำเนินการและควบคุมอัตราการสูญเสีย เชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการกำหนดราคา IPO ที่เหมาะสม 2.20 บาท เมื่อ TITLE เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับผู้ลงทุ น