นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 61 จเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่เชื่อว่าจะทำรายได้ทะลุเป้าหมายที่ 3.2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถติดตั้งตู้เติมเงินบุญเติมได้มากกว่าเป้าหมาย และเน้นกลยุทธ์ยุดทำเลการตั้งตู้ที่ดี ทำให้ยอดเติมเงินและใช้บริการผ่านตู้บุญเติมก็คาดว่าจะทะลุเป้าหมายเช่นกัน
บริษัทคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/60 จะออกมาดี หลังจากบริษัทเดินเกมรุกเร่งเพิ่มจำนวนตู้บุญเติม จากเดิมติดตั้ง 2,000 ตู้ต่อเดือน เป็น 3,000 ตู้ต่อเดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงคาดว่าจำนวนตู้บุญเติมในสิ้นปี 60 จะมีมากกว่า 1.25 แสนตู้ จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 1.22 แสนตู้
ขณะที่ยอดการใช้บริการผ่านตู้บุญเติมในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมาย 3.2 หมื่นล้านบาท โดยที่ผ่านมามีรายได้เฉลี่ยต่อตู้ต่อเดือนที่ 3.2 หมื่นบาทสำหรับตู้ที่ทำการติดตั้งแล้ว 3 เดือน ซึ่งสัดส่วนยอดการใช้บริการผ่านตู้ แบ่งเป็น การเติมเงินชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือ 79%, การทำธุรกรรม/ธนาคาร 15% และอื่นๆ เช่น ชำระค่าไฟฟ้า, เติมเงิน postpaid เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาระบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีลูกค้าสนใจใช้บริการมากขึ้น
ล่าสุด สำนักงานประกันสังคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) กับธนาคารที่ให้บริการรับชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคม และผู้ให้บริการตู้บุญเติม โดยนายจ้างสามารถชำระเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน 8 ธนาคาร และผู้ประกันตนมาตรา 40 ผ่านตู้บุญเติม
อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มบริการผ่านตู้บุญเติมมากขึ้น ซึ่งในไตรมาส 4/60 จะเพิ่มบริการการโอนเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ตั้งแต่ 1 พ.ย.จากเดิมที่ให้บริการกับธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้บริการกับธนาคารกรุงเทพ (BBL) ด้วย
ขณะที่ในไตรมาส 1/61 จะเปิดให้บริการซื้อตั๋วโดยสารรถทัวร์ และชำระหนี้เงินกู้รายวันของธนาคารภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พ่อค้าแม่ค้าด้วย
นายสมชัย กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เดินสายเพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน (โรดโชว์) ในสหรัฐช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีกองทุนกว่า 10 รายสนใจเข้าซื้อหุ้นทั้งในและนอกกระดาน รวมถึงมีนักลงทุนประเภท VI สนใจเข้ามาลงทุน มองว่าการเข้ามาถือหุ้นจะไม่กระทบกับการบริหาร เพราะที่ผ่านมามีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันไม่เกิน 5% และ FSMART ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หากมีนักลงทุนสถาบันสนใจเข้ามาถือหุ้นก็ถือเป็นเรื่องดี