นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,710-1,720 จุด ซึ่งดัชนีฯคงจะเคลื่อนไหวทรงตัวภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ขึ้นทดสอบแถว 1,730 จุด แล้วยังไม่ผ่าน อีกทั้งราคาหุ้น SCC ที่ปรับลดลงหลังประกาศงบไตรมาส 3/60 วานนี้กดดันตลาดฯ
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง และราคาถ่านหินก็ยังปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะราคาถ่านหินนิวคาสเซิล จึงแนะนำหุ้น BANPU นอกจากนี้ เชื่อว่านักลงทุนคงจะเลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยให้เลือกลงทุนหุ้น PLANB เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะทำจุดสูงสุดใหม่ พร้อมติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ของ ADVANC และ PTTEP ที่จะประกาศออกมาในวันนี้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ภายหลังจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาให้คงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ทั้งนี้ช่วงนี้แต่ละตลาดในภูมิภาคคงจะแกว่งตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของแต่ละตลาดฯ
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,435.01 จุด เพิ่มขึ้น 57.77 จุด (+0.25%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,579.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด (+0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,716.53 จุด ลดลง 11.14 จุด (-0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 92.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 10.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.01 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 พ.ย.60) 1,714.55 จุด ลดลง 6.82 จุด (-0.40%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,040.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 54.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.19%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ย.60) ที่ 7.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.13 แนวโน้มแข็งยังค่าต่อ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.15
- เวิลด์แบงก์ได้จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือดูอิ้ง บิซิเนส 2018 โดยเปรียบเทียบ 190 ประเทศทั่วโลก ผลปรากฏว่า ไทยได้อันดับที่ 26 ดีขึ้น 20 ลำดับจากครั้งที่ผ่านมาได้ลำดับที่ 46
- สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ตลาดดำเนินการซื้อขาย ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2560 มีมูลค่าการถือครองรวม 4.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 7.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.93% จากสิ้นเดือน พ.ค. 2559
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังดำเนินการศึกษามาตรการช็อปช่วยชาติ โดยเปิดให้ประชาชนซื้อสินค้าที่มีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย นำมาขอหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ศึกษาข้อดีและข้อเสียของมาตรการหากจะนำมาใช้ในปีนี้อีกครั้ง
- เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ได้กำหนดร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อเตรียมเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน วันที่ 15 ก.ย.2561 นี้
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ได้จัดทำร่างประกาศเพิ่มเติมเพื่ออนุโลมให้มีการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ใต้พื้นที่สายส่งไฟฟ้าของ กฟผ.เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กฟผ.พิจารณา คาดว่า จะประชุมบอร์ดวันที่ 27 พฤศจิกายน แต่จะเสนอประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมทันหรือไม่ต้องติดตามอีกครั้ง โดยพื้นที่สายส่งที่ว่านี้อาจเป็นพื้นที่ของชาวบ้านทั่วไป เมื่อประกาศแล้วเสร็จใครจะเข้ามาทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น กฟผ.เท่านั้น โดยหลังจากนี้ กฟผ.จะรวบรวมข้อมูลสายส่งทั่วประเทศ เพื่อกำหนดพื้นที่ที่จะสามารถลงได้จริง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TITLE (บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาขาย IPO 2.20 บาท/หุ้น บริษัทฯดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม"The Title"ตั้งอยู่ ณ หาดราไวย์ และหาดในยาง จ.ภูเก็ต ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างขาย 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,167 ล้านบาท และอยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,295 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
- IVL (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 55 บาท (เดิม 46 บาท) ราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น PET, EO/EG, และ PTA ส่งผลให้ปรับอัตรากำไร และกำไรปี 60-61 ขึ้น 21-19% ขณะที่การเข้าลงทุนเพิ่มในผลิตภัณฑ์ HVA (high value added) จะเพิ่มอัตรากำไรเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป มอง PE61 ที่ 14x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 2 ปีที่ผ่านมา"ไม่แพง"เพราะมีการเติบโตกำไรเร่งขึ้น
- MODERN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.80 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/60 +275% Q-Q, +144% Y-Y อยู่ที่ 80 ลบ.จากลูกค้าคอนโดและออฟฟิศที่ฟื้นตัว รวมถึงการรับรู้รายได้ของโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ (MHC) ที่กำลังอยู่ในช่วงโตสูง พร้อมคาดงบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เพราะกระแส coworking space มาแรง, ทำตลาดแบบโฟกัสมากขึ้น,ค่าใช้จ่ายเริ่มนิ่งหลังปรับโครงสร้างองค์กร ด้านธุรกิจรับเหมาตกแต่งห้องผ่าตัดของ MHC จะเรียกศรัทธาให้อีกครั้ง เพราะแข่งขันต่ำและอยู่ใน mega trend เมื่อคิดกลับเป็นมูลค่า MODERN คาดสูงถึง 2.40 บาท/หุ้น เมื่อผนวกกับเงินสดในมือ 0.70 บาท/หุ้น และปันผล 6-8% ต่อปี และราคาปัจจุบันแทบไม่เหลือ Downside
- MILL (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง และผลงาน H2/60 เร่งตัวขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ขณะที่ราคาเหล้กผ่านจุดต่ำสุดหลังอุปสงค์-อุปทาน มีความสมดุลมากขึ้น การผลิตเหล็กสำหรับยานยนต์ที่ Kobelco Millcon (ถือหุ้น 50%) จะทำให้ขาดทุนของบริษัทลูกพลิกเป็นกำไรในปี 61 ราคายังต่ำกว่าการขอซื้อหุ้นโดยสมัครใจของผู้บริหารที่ 1.80 บาท