โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 ที่จะเติบโตดี และต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่จะกลับมา หลังจากหดตัวลงในช่วงปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญก่อนหน้านี้ ประกอบกับการเปิดโรงแรม HOP INN ใหม่ในประเทศอีก 4 แห่ง เชื่อว่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน
อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 61 ยังคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้น จากกลยุทธ์ที่เน้นการเปิดโรงแรมระดับกลาง-ล่างมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีความต้องการสูงในช่วงที่กำลังซื้อชะลอตัว รวมทั้งการขยายธุรกิจสปา ซึ่งจะเข้ามาผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ราคาหุ้น ERW ช่วงบ่ายอยู่ที่ 7.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.10%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคทีบีฯ ซื้อ 8.10 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 7.70 ทรีนีตี้ ซื้อ 7.30
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" ERW ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 70 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นที่ 26%จากงวดปีก่อน และ 22% จากไตรมาสก่อน ตามรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ที่ไม่รวมโรงแรมราคาประหยัด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรในไตรมาส 4/60 จะยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง ซึ่งจะมากกว่าไตรมาส 3/60 และมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว และมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน รัสเซีย และไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเติบโตได้ 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่ง ERW มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 14%
นอกจากนี้ การเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากโรงแรมระดับกลางในต่างจังหวัด รวมถึงยังเปิดโรงแรมราคาประหยัด ภายใต้แบรนด์ HOP INN อีก 4 แห่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ กาญจนบุรี ลพบุรี และขอนแก่น ในช่วงไตรมาส 4/60 ก็จะเข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในใตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ซื้อ" ERW ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท/หุ้น เนื่องจากมองว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/60 ที่จะเห็นผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น หลังจากปลายปีก่อนมีการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ พร้อมกับการเปิดโรงแรมใหม่ในกลุ่ม HOP INN อีก 4 แห่ง ก็จะเข้ามาสนับสนุผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
โดยยังคงประมาณการกำไรของ ERW ในปีนี้อยู่ที่ 553 ล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อน เพราะอัตราการเข้าพักและอัตราค่าห้องพักที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืนเพิ่มขึ้นราว 5% ขณะที่ปี 61 คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรจะลดลงมาเหลือ 10-13% หลังจากที่ ERW เน้นการเปิดโรงแรมกลุ่ม HOP INN ซึ่งจะกดดันกำไรในช่วงแรก แต่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว เพราะเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีมาตรฐานการบริการ และเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตของลูกค้าสูง
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ยคาดว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงาน ERW ในช่วงไตรมาส 4/60 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการเปิดโรงแรมใหม่ในกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มโรงแรมหรู โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่ม HOP INN เพราะเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกำลังซื้อในปัจจุบันที่ไม่ได้สูงมากนัก และโรงแรมในกลุ่มดังกล่าวมีการเติบโตในตัวเลขระดับสองหลัก ซึ่งช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ ERW โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่ากำไรของ ERW ในปีนี้จะเติบโตได้ 27% และปี 61 คาดว่าจะเติบโต 14% จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปิดโรงแรมใหม่ในปี 61 อีก 15 แห่ง แบ่งเป็น HOP INN จำนวน 10 แห่งในไทย และ 3 แห่งที่ฟิลิปปินส์ โรงแรม NOVOTEL และ ibis ที่สุขุมวิทซอย 4 ในจำนวน 318 ห้อง รวมทั้งการขยายธุรกิจสปาด้วย ซึ่งจะเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานของ ERW ที่ยังเติบโตได้ดี