หุ้น TITLE ปิดเทรดวันแรกที่ 3.32 บาท เพิ่มขึ้น 1.12 บาท (+50.91%) จากราคาขาย IPO 2.20 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 644.52 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.40 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.50 บาท และราคาลงต่ำสุด 3.10 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) ที่ 3.90 - 4.20 บาท โดยใช้ PER ที่ 13 - 14 เท่าสำหรับปี 2561F เทียบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย โดยบริษัทมีงานในมือ 500 ล้านบาท โดยผลประกอบการปี 2560F คาดว่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่ๆ ที่จะเริ่มโอน และโครงการ The Title หาดในยางเฟสที่ 1 คาดจะเริ่มโอนได้ในไตรมาส 4/61 โดยมีความเสี่ยงสำคัญคือความล่าช้าในการก่อสร้างและการโอน, การพึ่งพิงโครงการประเภทคอนโด และลูกค้าต่างชาติ
บริษัทฯดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยเน้นการพัฒนาโครงการพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในย่านทำเลที่มีศักยภาพบริเวณจังหวัดภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “The Title" โดยอาศัยจุดเด่นจากการออกแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์ การให้ความสำคัญกับคุณภาพการก่อสร้าง ตลอดจนสภาพแวดล้อมของโครงการที่เน้นความร่มรื่นและให้ความรู้สึกเสมือนการพักผ่อนในโรงแรมหรือรีสอร์ท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความคุ้มค่าและความประทับใจแก่ลูกค้า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือราว 500 ล้านบาท โดยโครงการส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2561 บริษัทจะเน้นลูกค้าชาวต่างชาติ (สัดส่วน 80%) ที่ต้องการใช้เป็นที่พักตากอากาศเป็นหลัก
โครงการอนาคต : บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการมูลค่ารวม 1.3 พันล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการคอนโดมิเนียม The Title Residencies Naiyang Phuket เฟส 2 มูลค่าโครงการ 645 ล้านบาท เริ่มขายไตรมาส 4/60 คาดสร้างเสร็จปลายปีหน้า 2) โครงการคอนโดมิเนียม The Title Phuket หาดราไวย์ เฟส 5 Zone 1 มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท เริ่มขายไตรมาส 1/61 อยู่ระหว่างการขอ EIA และ 3) โครงการคอนโดมิเนียม The Title Phuket หาดราไวย์ เฟส 5 Zone 2 มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท เริ่มขาย 1Q19 อยู่ระหว่างการขอ EIA
นายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TITLE เปิดเผยว่า หุ้น TITLE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้เป็นวันแรกสูงกว่าราคาจองอย่างน่าประทับใจ เนื่องจากได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับ 1 ของหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต
นอกจากนี้ในปัจจุบันบริษัทฯมียอดที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 691 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการ The Title Residencies หาดในยาง จำนวน 501 ล้านบาท และโครงการ The Title หาดราไวย์ จำนวน 190 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปี 61
“กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีความตั้งใจที่จะถือหุ้นเพื่อลงทุนในระยะยาว และอยู่เคียงคู่กับบริษัทฯ ไปตราบนานเท่านาน" นายเด่นดนัย กล่าว
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนและควบคุม TITLE กล่าวว่า บริษัทมีความแตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีการเรียกเก็บเงินดาวน์สูงถึง 75% ทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในโครงการค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านอื่นอีกคือในอนาคตสามารถที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากการระดมทุนในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในเรื่องของเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจ โดยสามารถที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อทำโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และจะทำให้การรับรู้รายได้ในอนาคตทยอยเข้ามาต่อเนื่องและขยายตัวได้ทุกปี
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TITLE กล่าวว่า หุ้นน้องใหม่ TITLE ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างอบอุ่นและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะประเภทคอนโดมิเนียมมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
นอกจากนี้ TITLE ยังมีความสามารถในการบริหารต้นทุนได้ดี ซึ่งการดำเนินการทุกโครงการจะเข้าควบคุมการจัดซื้อเอง ทำให้ต้นทุนในส่วนของวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างลดลงเฉลี่ย 6% ต่อโครงการ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นงวด 6 เดือนปีนี้อยู่ที่ 48.19% และในส่วนของอัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 13.92% ซึ่งจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี ทำให้เชื่อมั่นว่า TITLE จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในระยะระยาว