นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวได้จำกัด เนื่องจากดัชนีฯได้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,705 จุด ทำให้มีความเสี่ยงในการพักฐานสูง โดยมี Downside แถว 1,670 จุด แต่ก็สามารถกลับมาเพิ่มการลงทุนได้ในจุดนี้เช่นกัน เนื่องจากตลาดฯได้รับรู้ข่าวดีไปแล้ว ทั้งเรื่องประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ และมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งก็คาดว่าจะคงจะเป็น Story ในปีหน้า ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดฯก็คงจะเคลื่อนไหวทรงตัว
พร้อมกันนี้ได้มองว่า Downside ของตลาดฯที่ 1,670 จุด ลงมาราว 30 จุด คิดเป็น 2% ซึ่งมองแล้วตลาดฯไม่ได้ลงมาก แต่หากมองที่หุ้นรายตัวมีโอกาสที่จะปรับลงได้มากกว่าตลาดฯ ดังนั้น ควรจะระวังแรงขาย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ขณะที่ในไตรมาส 4/60 มีโอกาสที่ค่าการกลั่นจะเข้าสู่ขาลง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 3/60 ที่จะออกมาในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น
พร้อมให้แนวรับ 1,695 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,516.26 จุด เพิ่มขึ้น 81.25 จุด (+0.35%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,579.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.49 จุด (+0.02%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,714.94 จุด ลดลง 1.59 จุด (-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 84.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 28.00 จุด
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 พ.ย.60) 1,701.93 จุด ลดลง 12.62 จุด (-0.74%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,463.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 54.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 พ.ย.60) ที่ 7.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.10 แข็งค่าหลังดอลลาร์ร่วงเทียบทุกสกุลเว้นปอนด์ จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
- "อาคม" เผยแอคชั่นแพลนเมกะโปรเจคปี 61 จำนวน 51 โครงการ วงเงิน 2.39 ล้านล้าน ผุด 8 โครงการใหม่ วงเงิน 1 แสนล้าน ส่วนที่เหลือเป็นการ ผลักดันโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน แจงเตรียมยกสนามบินภาคอีสานและ ตะวันตกให้ทอท.บริหาร สรุปผลภายใน เดือนนี้ ด้าน "สมคิด" มอบนโยบายต้อง ประมูล 3 โครงการอีอีซีให้จบปีหน้า
- สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ถกตลาดหลักทรัพย์เร่งหาแนวทางควบคุมธุรกรรมการซื้อขายหุ้นด้วยบล็อกเทรด หลังพบปริมาณธุรกรรมพุ่ง หวั่นกระทบตลาด เล็งเปิดข้อมูลรายตัว คาดสรุปเกณฑ์ได้ปีหน้า คาดการณ์ทิศทางหุ้นไทยมีพัฒนาการดี หวังเงินฝากไหลเข้าอุตสาหกรรมกองทุนรวม
- ธปท.และกระทรวงการคลังได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ ภายใต้โครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติม โดยการออกประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์ให้บริษัทและกลุ่มบริษัทที่มีคุณสมบัติ ตามที่กำหนดไว้ สามารถยื่นขอทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ เช่น ซื้อ ขาย ฝาก ถอนเงินตราต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมต่อธนาคารพาณิชย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 33 บาท จาก 1) ราคาหุ้น laggard ตลาดมาก 2) คาดเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวเนื่องกับ EEC 3) Backlog สูง 1.07 แสนล้านบาท คิดเป็น 6x ของรายได้ปี 59 4) คาดกำไรโต 36-44% ปี 60-61
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 220 บาท กำไรปกติ Q3/60 โต Y-Y ครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสตามคาด +3.1% Q-Q,+14.9% Y-Y แนวโน้มกำไร Q4/60 ต่อเนื่องปี 61 ยังแกร่ง คงประมาณการกำไรปกติปีนี้หด 3% Y-Y ก่อนพลิกโต 7.4% Y-Y ในปี 61 ราคาหุ้นที่ลงแรงวานนี้จากการประมูลคลื่น 900-1800 MHz ปีหน้าส่อเค้าแข่งขันรุนแรง แต่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงสูง และ ADVANC ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะมีคลื่นเพิ่มมาแล้วช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- MILL (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดบริษัทฟื้นตัว (turnaround) อย่างต่อเนื่อง และคาดผลการดำเนินงาน H2/60 เร่งตัวขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาเหล้กผ่านจุดต่ำสุดหลังอุปสงค์-อุปทาน มีความสมดุลมากขึ้น การผลิตเหล็กสำหรับยานยนต์ที่ Kobelco Millcon (ถือหุ้น 50%) จะทำให้ขาดทุนของบริษัทลูกพลิกเป็นกำไรในปี 61 ราคายังต่ำกว่าการขอซื้อหุ้นโดยสมัครใจของผู้บริหารที่ 1.80 บาท
- PTTEP (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 99 บาท กำไรปกติ Q3/60 แข็งแกร่งจากราคาขายและยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่าแข็งแกร่ง แต่การรับรู้ Impairment มากถึง 1.7 หมื่นล้านบาทฉุดผลประกอบการพลิกกลับมาขาดทุน จึงมองว่าราคาหุ้น downside จำกัดหลังสะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ขณะที่คาดราคาและยอดขายมีโอกาสปรับเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี เป็นปัจจัยหนุน Q4/60 พลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้ง