นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่ารวมกว่า 12,130 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคนี้ กระตุ้นการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยการพัฒนาโครงการจะแบ่งเป็น โครงการในศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 10,130 ล้านบาท และในจ.ระยอง มูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท
สำหรับโครงการในศรีราชา บริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ"ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา" มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมเคนชิงตัน แหลมฉบัง 1 เคนชิงตัน แหลมฉบัง 2 นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง โรงแรมฮอลิเดย์ อิน แอนด์ สวีท และคอมมูนิตี้มอลล์ "พอร์โทเบลโล มอลล์" โดยโครงการคอนโดมิเนียม เคนชิงตัน แหลมฉบัง 1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่เคนชิงตัน แหลมฉบัง 2 และนอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
โครงการคอนโดมิเนียม "ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา" มูลค่า 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง และอยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ มียอดขายแล้วกว่า 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯที่ซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดเช่าของศรีราชามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูงถึงกว่า 30,000 บาท/เดือน
สำหรับโครงการที่ จ.ระยอง มีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 61 และเพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการในเขตพื้นที่ EEC บริษัทยังมองหาที่ดินแปลงอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและส่งเสริมการดำเนินนโยบายของภาครัฐ โดยเตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินไว้ราว 500 ล้านบาทในปี 61 รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าในพื้นที่ EEC และมีการร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งจะมีข้อสรุปในปี 61
“ปัจจุบัน ศรีราชาถือเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นเมืองท่าลำดับที่ 22 ของโลกเชื่อมโยงการขนส่งไทยเข้ากับประเทศต่างๆ มีการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถูกขนานนามว่าเป็นลิตเติ้ล โอซาก้า ในอนาคตหลังภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการดิจิทัล พาร์คไทยแลนด์ในศรีราชาตามโครงการ EEC มีสัญญาณที่ดีว่าจะมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มขึ้น ศรีราชาจะไม่ใช่แค่ลิตเติ้ล โอซาก้า แต่จะกลายเป็น โอซาก้าเมืองไทย" นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทมั่นใจว่าจะทำยอดขายเข้าเป้า 1.4 หมื่นล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกของปีมียอดพรีเซลล์แล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทยังเตรียมเปิดขายโครงการแนวราบเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นบ้านแฝด ทำเลวงแหวนรอบนอกกรุงเทพ มูลค่าโครงการรประมาณ 800 ล้านบาท ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (backlog) ราว 3 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงปี 63
ทั้งนี้ ในวันที่ 11 พ.ย.บริษัทจะแจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/60 ซึ่งคาดว่าจะออกมาในเกณฑ์ที่ดี
ปัจจุบัน ORI มีธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย โดยพัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 44 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 43,500 ล้านบาท ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก ธุรกิจบริการ เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0" โดยรัฐจะเดินหน้าลงทุน 5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone" อย่างไรก็ดี การจะดำเนินนโยบายให้ประสบผลสำเร็จสูงสุดได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ด้วย
สำหรับการลงทุนใน EEC คาดว่าระยะยาว จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยราว 5% ต่อปี สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 100,000 อัตราต่อปี สร้างฐานภาษีใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี และสร้างฐานรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาทต่อปี