ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,712.75 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด (+0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 56,758.15 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,721.08 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,711.29 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 629 หลักทรัพย์ ลดลง 708 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 374 หลักทรัพย์
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,710-1,720 จุด โดยมีหุ้นในกลุ่มพลังงานเป็นตัวผลักดันหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี มองว่านักลงทุนค่อนข้างระมัดระวังในการเข้าลงทุน เนื่องจากยังไม่มีความมั่นใจตลาดฯมากนัก เห็นได้จากแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังแรงซื้อเข้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็ยังรอดูการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาสที่ 3/60
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น มองว่าปัจจัยหลักมาจากแนวโน้มของผลประกอบการของบริษัทในประเทศนั้น ๆ
ทั้งนี้ มองว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะข้าว ทำให้กำลังซื้อจะกลับมาเพิ่มขึ้น โดยหุ้นในกลุ่มการบริโภค กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มเช่าซื้อ น่าจะได้รับอานิสงส์ที่เป็นบวก
พร้อมแนะให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% แต่ก็ให้ติดตามการให้ความเห็นการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบ ซึ่งมักจะเป็นบวกก่อนหน้าการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่จะเริ่มในวันที่ 30 พ.ย.นี้
ส่วนนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway มีแรงซื้อเบาบางกว่าเมื่อวาน แต่หุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมียังมีแรงซื้อต่อเนื่อง ส่วนหุ้นค้าปลีกแผ่วลงหลังจากที่วานนี้ขึ้นแรง
ทั้งนี้ ดัชนีฯเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากนักลงทุนมีการสลับกลุ่มเล่น แต่นักลงทุนยังคงมองตลาดในทิศทางบวก เพียงแต่นักลงทุนเริ่มมองหาหุ้นตัวที่ราคาไม่ปรับขึ้นแรง โดยจะเห็นได้ว่า หุ้นตัวที่มีการปรับขึ้นมาในวันนี้จะเป็นหุ้นตัวที่ปรับลงไปในช่วงก่อนหน้า ส่วนหุ้นที่ขึ้นแรงก่อนหน้าก็ได้ถูกเทขายทำกำไร
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เป็นบวก โดยให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของจีน ซึ่งจะมีผลต่อภาวะการค้าและการส่งออกในภูมิภาคเอเชีย พร้อมให้ติดตามการประชุมกนง. ในประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% รวมทั้งติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาศ 3/60 ในสัปดาห์นี้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) นายกิจพล กล่าวว่า ตลาดฯมีแนวโน้มที่จะพักฐาน แต่ดัชนีฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบกว้าง พร้อมให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,720 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,762.52 ล้านบาท ปิดที่ 94.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,821.57 ล้านบาท ปิดที่ 424.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,853.98 ล้านบาท ปิดที่ 17.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 1,547.84 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 2.75 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,441.69 ล้านบาท ปิดที่ 49.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท