นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/60 ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยในช่วงไตรมาส 3/60 เซ็นสัญญากับลูกค้า 2 ราย ซึ่งจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 1 ราย นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดเตรียมรถเพื่อให้บริการลูกค้าและรับรู้รายได้ในช่วงต้นปีหน้า ประกอบกับที่บริษัทได้ปรับปรุงสภาพรถบัสในช่วงที่ผ่านมานั้นจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีหน้าเช่นกัน ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 61 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเน้นการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาระบบบริหารจัดการการเดินรถให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ISO39001 เพื่อรักษาคุณภาพในการให้บริการและรองรับการขยายตัวในเขตภาคตะวันออก
ส่วนผลประกอบการในปี 60 บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นฐานในการทำนิวไฮของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้รายได้รวมในปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 15% แม้ว่ากำไรงวด 9 เดือนลดลงเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสภาพรถเพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการใช้รถในระยะยาว และมีการนำระบบบริหารจัดการ ISO 39001 มาใช้ในการบริหารกิจการ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตปีนี้ของบริษัท เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และเป็นการดำเนินงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ดีในระยะยาว
อนึ่ง ATP30 แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 มีรายได้จากการให้บริการ 89.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากเทียบกับงวดไตรมาส 2/60 ที่มีกำไรสุทธิ 5.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 54%
บริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุง ฯลฯ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 25% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 18.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 23.57%
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 60 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 252.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการ 223.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.69 ล้านบาท ลดลง 2.77 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.46 ล้านบาท