GBS มองหุ้นไทยรับแรงหนุนราคาน้ำมันโลกยืนสูง-แนวโน้มเศรษฐกิจดี แต่ Fund Flow ผันผวนกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 8, 2017 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันยืนที่ระดับสูงเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังประเทศซาอุดิอาราเบียปราบปรามทุจริตครั้งใหญ่ในคณะรัฐบาล และแนวโน้มในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงปลายปี 61 เป็นผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน

รวมถึงร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการมีแนวโน้มที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงคะแนนเสียงได้ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยช่วงปลายปี

ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจาก Fund Flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (Net Sell) สะสมเพิ่มเป็น 1.45 หมื่นล้านบาท และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบหน้าในเดือน ธ.ค.60

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 8 พ.ย.กำหนดประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.), วันที่ 14 พ.ย. กำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินไตรมาส 3/2560 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และก่อนวันที่ 22 พ.ย. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโหวตร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยืนในระดับสูงเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ปรับดีขึ้น โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวนและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมเดือนหน้า ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,690-1,730 จุด

ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานขานรับราคาน้ำมัน ได้แก่ PTTEP (หลีกเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีประเด็นบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังหนุนผลประกอบการเติบโต แนะนำ TPIPP และกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ แนะนำ CPALL, COM7, SYNEX, ROBINS, HMPRO และ BJC

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเยือนเอเชีย 11 วันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เป็นการเน้นย้ำความสัมพันธ์ทางการค้าและการฑูตในแนวทางที่ดี โดยจะช่วยลดความรุนแรงและโอกาสการเผชิญหน้ากันในคาบสมุทรเกาหลี

อย่างไรก็ตาม ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศในอาเซียนที่ทรัมป์จะเดินทางเยือนในช่วงท้ายนั้นเป็นที่น่าจับตามองมากกว่า เพราะหากเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้นจะเป็นเรื่องดีต่อทั้งภูมิภาค แต่ถ้าเน้นสงวนท่าทีความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนจะยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ

สำหรับปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ระดับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไปทรงตัวอยู่ในระดับสูง หากมีความต่อเนื่องจะทำให้ภาวะเงินเฟ้อเกิดการขยายตัว และจะช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงเป็นผลดีต่อราคาทองคำที่ได้แรงบวกในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ และจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่ได้รับผลลบจากภาวะเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม ด้วยมุมมองความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือน ธ.ค.นี้และคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการปรับลดงบดุลตามแผนที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทำให้ภาพในระยะกลางยังไม่เห็นว่าราคาทองคำจะสามารถพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นได้ ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ