นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจะนำเสนอโครงการผลิตน้ำประปาในเมืองเมาะลำไย รัฐมอญ ให้กับทางการของเมียนมา โดยมีกำลังการผลิต 40,000 ลบ.ม./วัน มูลค่าเงินลงทุน 400 ล้านบาท คาดว่าน่าจะสรุปผลได้เร็ว ๆ นี้และสามารถลงนามสัญญาได้ภายในไตรมาส 1/61 หลังจากจะใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในกลางปี 62 โดย TTW จะได้รับสัมปทานระยะเวลา 30 ปี และต่ออายุได้ 2 ครั้ง ๆ ละ 10 ปี ทั้งนี้ TTW ได้เจรจาเข้าลงทุนในเมืองเมาะลำไยมาราว 2 ปีแล้ว
ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าว มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) กว่า 10% ใช้เวลาคืนทุน 8 ปี
นอกจากนี้ TTW สนใจที่จะเข้าลงทุนโครงการผลิตน้ำประปาอีก 2 เมืองในเมียนมา คือ เมืองเมียวดี และ เมืองพะอันซึ่งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งทั้งสองเมืองเป็นเมืองหน้าด่านที่จะเชื่อมเข้าไทยที่แม่สอดเชื่อมต่อไปมุกดาหารแล้วไปเมืองดานังของเวียดนามได้ (East - West Corridor) ทั้งนี้ มองว่า เมืองเมาะลำไย เมืองพะอัน และเมืองเมียวดี เป็นสามเหลี่ยมทองคำทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความต้องการน้ำประปาของภาคธุรกิจ ทั้งเมียนมาและไทย อาทิ โรงแรม ศูนย์การค้า เป็นต้น และประชากรก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน กลุ่มมิตซุย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TTW ได้เข้าไปดำเนินโครงการเกี่ยวกับน้ำประปาในศรีลังกา ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ โดยจะดึง TTW เข้าร่วมงาน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน
นอกจากนี้ ในหลายประเทศใกล้เคียง ได้แก่ ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ก็ต้องการให้ TTW เข้ามาลงทุนโครงการผลิตน้ำประปา แต่เนื่องจากขณะนี้บริษัทต้องทุ่มทรัพยากรและบุคลากรไปที่เมียนมาก่อนจึงยังไม่ได้ตอบรับ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมียอดขายน้ำประปา จำนวน 143-144 ล้านลบ.ม.ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจมา 13 ปี จากปีก่อนที่มียอดขายน้ำประปา 138.5 ล้านลบ.ม. ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปีนี้ทำสถิติสูงสุด จากปีก่อนมีรายได้รวม 5.5 พันล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้รายได้โต 5% จากปีก่อน เนื่องจากพื้นที่สมุทรสาคร นครปฐม ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลางและเล็ก อยู่ในหมวดอาหารที่มีการส่งออกดีขึ้น หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 58-59) มียอดการใช้น้ำลดลง และกำไรก็ลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทกลับมาเสียภาษีตามปกติหลังหมดอายุสิทธิประโยชน์การลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
"เราเริ่มเห็นแนวโน้มดีหลังไตรมาสแรก ที่ภาวะเศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้น การใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดว่าตัวเลขการใช้น้ำปีนี้จะเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับตั้งแต่ทำธุรกิจมา 13 ปี ที่ตัวเลข 143-144 ล้านลบ.ม."นายชัยวัฒน์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มในปี 61 คาดว่ายอดขายน้ำประปาจะเติบโต 3-5% จากปีนี้ รายได้ก็จะเติบโตในทิศทางเดียวกัน ขณะที่การปรับขึ้นค่าน้ำประปาไม่ได้มีนัยสำคัญมาก เพราะใช้ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) มาคำนวณ ซึ่งที่ผ่านมาปรับขึ้นน้อยมาก ขณะเดียวกันในปี61 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 แสนลบ.ม./วัน ซึ่งเป็นเฟสแรกของโรงงานผลิตน้ำประปาแห่งที่ 2 ที่กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ที่มีกำลังการผลิตทั้งหมด 4 แสนลบ.ม./วันซึ่งรองรับธุรกิจได้ 5 ปี ได้ลงทุนไปแล้ว 3.3 พันล้านบาท
ปัจจุบัน TTW มีโรงผลิตน้ำประปาที่อำเภอบางเลน จ.นครปฐม กำลังการผลิต 4.4 แสนลบ.ม./วัน ส่วนโรงงานผลิตน้ำประปาของบริษัท น้ำประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) มีกำลังการผลิต 4.8 แสนลบ./วัน รวมแล้ว ในปี 61 TTW มีกำลังผลิตทั้งหมด 1.02 ล้านลบ.ม./วัน
นอกจากนี้ TTW เห็นโอกาสโครงการบำบัดน้ำเสียในเมืองใหญ่ อาทิ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ เป็นต้น รวมทั้งเมืองท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าการสร้างสาธารณูปโภคไปพร้อมๆกับเรื่องคมนาคม โทรคมนาคม เพื่อใช้สนับสนุนธุรกิจ ขณะเดียวกันในปีหน้าคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำ ที่รัฐบาลได้จัดตั้งสำนักบริหารที่รวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำ เพื่อดูแลน้ำที่ใช้ปรับระบบนิเวศ น้ำใช้ในภาคอุตสาหกรรม น้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตร ทั้งนี้ TTW มีเป้าหมายจะเป็นผู้บริหารน้ำครบวงจร