บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) วางแผนลงทุนร่วมกับซูมิโตโม ฟอเรสทรี ซึ่งเป็นพันธมิตรญี่ปุ่น ในระยะ 4 ปี (ปี 60-63) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยประเดิมจากโครงการแรก คือ คอนโดมิเนียมไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อที่จะเริ่มเปิดตัวในปี 61
นายชายนิด อรรถญาณกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PF เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับซูมิโตโม ฟอเรสทรี จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และบ้านเดี่ยว มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมีโครงการแรกคือคอนโดมิเนียมซุปเปอร์ลักชัวรี่“ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ"มูลค่า 6 พันล้านบาท ขนาดพื้นที่ 2.5 ไร่ สูง 45 ชั่น จำนวนยูนิต 300 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้น 300,000 บาท/ตารางเมตร มีกำหนดเปิดตัวและเริ่มก่อสร้างในปี 61
สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลทองหล่อ พบว่าเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วสามารถปิดการขายได้เกือบทั้งหมด ขณะที่โครงการที่เปิดการขายและอยู่ระหว่างก่อสร้างได้รับการตอบรับที่ดี สามารถทำยอดขายไปแล้ว 71% โดยมีราคาขายเฉลี่ย 300,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับราคาขายของไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ และแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาราคาคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลทองหล่อจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากชาวไทยและชาวต้างชาติอย่างต่อเนื่องทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน เพราะย่านทองหล่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ทั้งนี้ การร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท แกรนด์สตาร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยทีสัดส่วนการถือหุ้น แบ่งเป็น บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ถือสัดส่วน 40% , PF ถือสัดส่วน 11% และอีก 49% ถือหุ้นโดยซูมิโตโม ฟอเรสทรี สิงคโปร์ บริษัทย่อยของซูมิโตโม ฟอเรสทรี
นายชายนิด กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนในการพัฒนาที่ดินเปล่าที่เหลือในโครงการคิโรโระ สกีรีสอร์ท (Kiroro Skiresort) ซึ่งยังสามารถพัฒนาโครงการได้อีกมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะนำพันธมิตรญี่ปุ่น คือ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี ที่ได้ร่วมทุนพัฒนาโครงการกับ PF และ GRAND ในประเทศไทยเข้ามาร่วมทุนในโครงการนี้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 61 เบื้องต้นบริษัทจะต้องนำพันธมิตรเข้าไปดูที่ดินเพื่อร่วมกันศึกษารูปแบบของการพัฒนาโครงการช่วงต้นปีหน้า
ส่วนความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการอื่นๆในประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าในย่านรัชดาเป็นที่ดินเช่า 30 ปี จำนวน 2 แปลง พื้นที่ 20 ไร่ โดยการพัฒนาโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการศูนย์การค้า ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศที่เจรจาอยู่ 2 ราย คาดว่าจะสรุปต้นปี 61 อีกทั้งมีโอกาสที่จะเช่าที่เปล่าเพิ่มอีก 1 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินที่ติดกับแปลงปัจจุบัน โดยจะเป็นโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในย่านรัชดา
สำหรับแนวโน้มยอดขายรวมของ PF และ GRAND ในปี 61 ตั้งเป้าที่ 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจาก PF จำนวน 2 หมื่นล้านบาท และยอดขายจาก GRAND จำนวน 4 พันล้านบาท จะมีการเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 28 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และแนวราบ 22 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 2 โครงการ คือ คอนโดมิเนียม และโครงการบ้านเดี่ยว
ขณะที่รายได้รวมในปี 61 ตั้งเป้าเติบโต 24% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1.9 หมื่นล้านบาท มาจากการโอนโครงการของทั้ง PF และ GRAND
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัททำยอดขายได้แล้ว 1 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.51 หมื่นล้านบาท
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 61 มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การเติบโต โดยเฉพาะในส่วนของโครงการแนวราบเห็นลอดขายปรับฟื้นตัวดีขึ้น
ขณะที่คอนโดมิเนียมยังมีซัพพลายล้นในบางทำเล จากการที่ผู้ประกอบการหันมาทำคอนโดมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์
กรณีที่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เข้าซื้อโครงการจาก บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ (PACE) มองว่าเป็นเรื่องที่ดีของวงการอสังหาริมทรัพย์ เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง SIRI มีเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมีความมั่นคงที่จะขยายตลาด รวมถึงจะเห็นการซื้อโครงการที่พัฒนาไปแล้วเพิ่มมากขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดจากผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก เพราะผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก ส่วนใหญ่จะพบปัญหาทางด้านสภาพคล่อง ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการพัฒนาโครงการต่อได้จำเป็นต้องขายต่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นนำไปพัฒนาและขายต่อ หรือการหาพันธม์ตรเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพ
นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที้บริหาร GRAND เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 61 อยู่ที่ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการที่ระยอง มูลค่า 500 ล้านบาท โครงการไฮด์ พาร์ค เรสซิเดนซ์ 2 มูลค่า 1.5 พันล้านบาท และโครงการร่วมลงทุนมูลค่า 2 พันล้านบาท จากปีนี้ที่มียอดขาย 3 พันล้านบาท โดย 9 เดือนมียอดขายแล้ว 2.5 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/61
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ ไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และ ฮ่องกง โดยคาดว่าจะเปิดขายโครงการดังกล่าวได้ในปี 61 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 64 ส่วนโครงการที่ GRAND เป็นผู้พัฒนาเองในปี 61 จะเป็นโครงการที่ระยอง พื้นที่ 90 ไร่ เพื่อรองรับ EEC มูลค่า 6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการมิกส์ยูส แบ่งเป็น วิลล่า มูลค่า 2 พันล้านบาท คอนโดมิเนียม 2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการโรงแรมในพื้นที่ดังกล่าว