หุ้น TRC ราคาไหลลง 3.74% มาอยู่ที่ 1.03 บาท ลดลง 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 23.76 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.26 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.04 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.05 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.01 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ถือ"หุ้น บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) รอความคืบหน้าของโครงการโปแตซ ซึ่งจะทำให้กำไรในปีหน้าเติบโต โดยประเมินราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 1.35 บาท ด้วยวิธี Sum of The part คือ ธุรกิจรับเหมาเท่ากับ 1 บาท และ โครงการโปแตซ 0.35 บาท
TRC ประกาศผลประกอบการ Q3/60 มีกำไรที่กลับมาทรุดลงเหลือ 22 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน -70%QoQ และ ปีก่อน -69%YoY เนื่องจากยอดรับรู้รายได้จากการให้บริการก่อสร้างในไตรมาสนี้อยู่ในระดับต่ำ 452 ล้านบาท (+4%QoQ, -61%YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 18.1% จาก 38.6% ในไตรมาสก่อน แต่ยังดีกว่าปีก่อน 16.8% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 83 ล้านบาท (+27%QoQ, -5%YoY) ภาระดอกเบี้ยจ่าย 4 ล้านบาท (-5%QoQ, -27%YoY) ในไตรมาสนี้บันทึกผลขาดทุนจากเงินลงทุนในเหมืองโปแตซเท่ากับ 9 ล้านบาท รวม 9 เดือนแรก มียอดรับรู้รายได้ 1,840 ล้านบาท ติดลบ 32% และ มีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท ติดลบ 66%
โครงการโปแตซที่ชัยภูมิ (APOT) ซึ่ง TRC ได้งานมา 31,067 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาถือหุ้นแทนกระทรวงการคลัง ซึ่งยังต้องใช้เวลา และ รับรู้ไม่ทันในปีนี้ ถ้าไม่รวมโครงการโปแตซ TRC จะเหลือ Backlog 7,223 ล้านบาท จาก 19 โครงการ แบ่งเป็นของ TRC จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 4,849 ล้านบาท และ ของบริษัทลูกคือ SKW จำนวน 10 โครงการ มูลค่า 2,374 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำเมื่อเทียบกับประมาณการในปี 2561 โดยงานที่ TRC มีความถนัด คือ งานเกี่ยวกับท่อก๊าซของปตท. ปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และ มีคู่แข่งจากประเทศจีนเข้ามา ซึ่งเข้ามาประมูลราคาต่ำ ทำให้ TRC ต้องหางานอื่นเข้ามาเสริม เช่นให้บริษัทลูก คือ SKW เข้าร่วมประมูลเกี่ยวกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่น งานระบบท่อน้ำ การก่อสร้างโครงการประปาส่วนภูมิภาค รวมถึงเข้าร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ