นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าในรอบปี 60 ซึ่งเป็นปีแห่งการเติบโต บริษัทจะสามารถขยายรายได้ ไม่ต่ำกว่า 20% จากฐานเดิมในปีที่แล้ว และรักษาระดับผลกำไรได้ต่อเนื่อง ขณะที่ปี 61 วางเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 20% และรักษาระดับผลกำไรให้สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ราคาตลาด ต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งต้องมีมาตรการป้องกันโรคระบาด ของไก่และสุกร อย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/60 ทำนิวไฮทั้งรายได้รวม 7,064 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 705 ล้านบาท รายได้รวมเพิ่มขึ้น 25.6% และกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 32.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/59 ซึ่งมีรายได้รวม 5,622 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 532 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/60 รายได้เติบโต 13.7% กำไรสุทธิเติบโต 15.7%
ไตรมาส 3/60 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 10% ของรายได้รวม ซึ่งค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร โดยมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาทต่อหุ้น กำไรขั้นต้น 1,236 ล้านบาทหรือ 17.5% และ EBITDA เท่ากับ 1,160 ล้านบาท หรือ 16.4% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานจะขยายตัวโตขึ้น 23% จากกำไรจากการดำเนินงาน 714 ล้านบาท (บวกกลับขาดทุนจากมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพสุทธิจากภาษีเงินได้ 10 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับ ไตรมาส 3/59 ปีที่แล้ว 574 ล้านบาท (จาก 532 ล้านบาท บวกกลับขาดทุนจากมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ 42 ล้านบาท)
ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 60 รายได้รวมเติบโต 24.5% อยู่ที่ 19,203 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 15,428 ล้านบาท ในรอบเวลาเดียวกันปีที่แล้ว และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน เติบโตขึ้น 25.7% อยู่ที่ 1,484 ล้านบาท (0.28 บาทต่อหุ้น) (บวกกลับ ขาดทุนจากมูลค่ายุติธรรมจากสินทรัพย์ชีวภาพ 32 ล้านบาท) เทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,181 ล้านบาท (กำไรสุทธิ 1,403 ล้านบาท ลบด้วยกำไรจากมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ 222 ล้านบาท) บนฐานเดียวกันในปีที่แล้ว
จากผลประกอบการ 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมเป็น 92.4% ของรายได้ทั้งปีที่แล้วและมีกำไรสุทธิสะสม เท่ากับ 1,452 ล้านบาท (0.28 บาทต่อหุ้น) เท่ากับ 100.4% ของกำไรสุทธิ 1,447 ล้านบาททั้งปีที่แล้ว
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยงของสามธุรกิจหลัก (Portfolio Management) และ บริหารต้นทุนการผลิต (Low Cost Positioning) ภายใต้ภาวะราคาไก่ในตลาดในประเทศที่ต่ำลง บริษัทฯ ยังสามารถขยายรายได้และกำไรสูงขึ้นจากราคาตลาดต่างประเทศที่สูงขึ้น และการปรับพอร์ตการขายเข้าสู่ตลาดที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น ประกอบด้วย ตลาดส่งออกเนื้อไก่แช่แข็ง ตลาดอุตสาหกรรม และ ฟู้ดเซอร์วิส
ด้านธุรกิจสุกร ราคาตลาดในประเทศตกต่ำในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลให้มีสัดส่วนรายได้กำไรน้อยลง โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างปรับการขายเข้าสู่ตลาดสุกรชำแหละผ่านโมเดิร์นเทรดและฟู้ดเซอร์วิส และสุกรแปรรูป ส่วนธุรกิจผลิตและขายอาหารสัตว์ยังสามารถเติบโตได้และขยายตัวต่อเนื่อง