นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/60 กลุ่มบริษัทมีงานระหว่างก่อสร้างที่ยังไม่รับรู้รายได้จำนวน 19 โครงการ มูลค่า 7,223.23 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการก่อสร้างในระยะเวลาประมาณ 2 ปี โดย Backlog ข้างต้นได้รวมงาน Early Works I และ Early Works II (มูลค่างานรวม 3,022.08 ล้านบาท มูลค่างานคงเหลือ ณ สิ้นไตรมาส 3/60 เท่ากับ 2,594.20 ล้านบาท) ซึ่งเป็นงานส่วนหนึ่งของโครงการ Turnkey Delivery of APOT Project Package
งาน Surface Processing and Facilities จากบมจ.อาเซียนโปแตชชัยภูมิ (APOT) แต่ยังไม่ได้รวมงานที่เหลือของโครงการ APOT อีกประมาณ 30,998.22 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้รับ Letter of Award โครงการ APOT ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 แต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญารับเหมาก่อสร้าง เนื่องจาก APOT ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อการได้มาซึ่งสินเชื่อโครงการ โดยคาดว่าความสำเร็จของสินเชื่อโครงการจะเป็นภายในครึ่งปีแรกของปี 2561 โดยหลังจากการลงนามในสัญญารับเหมาก่อสร้างกับ APOT แล้ว Backlog ของกลุ่มบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แตะระดับ 30,000-40,000 ล้านบาท
จากเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2557 ว่า กลุ่มบริษัทจะมีการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องอย่างน้อย 4 โครงการภายในปี 2562 นั้น ขณะนี้ ได้มีการลงทุนไปแล้ว 2 โครงการ คือโครงการ APOT ลงทุนโดย TRC Investment Ltd. และ TRC International Ltd. ที่สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25.13 และโครงการสัมปทานประปาองค์การบริหารส่วนตำบลตาสิทธิ์ ที่ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในนามบจก. ทีอาร์ซี ยูทิลิตี้ เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/60 กลุ่มริษัทจะยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน โดยในเดือนธันวาคมนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศจีนในการเตรียมการเข้าประมูลงานโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 เฟส 2 ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่จากบมจ.ปตท. (PTT)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงศึกษาในการลงทุนในโครงการอื่นๆ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ในระยะยาวที่ยั่งยืน โดยมีทั้งโครงการในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ และการดำเนินการ เพื่อความเหมาะสมและผลตอบแทนสูงสุดต่อบริษัท และผู้ถือหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 ว่าบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 452.11 ล้านบาท ลดลง 718.06 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปี 2559 และมีกำไรสุทธิจำนวน 21.76 ล้านบาท ลดลง 48.48 ล้านบาท หรือ 69.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยในไตรมาส 3 มีรายได้และกำไรสุทธิในระดับที่ไม่สูงนัก เนื่องจากงานใหม่ที่ได้รับในปีนี้ ยังอยู่ในช่วงแรกของโครงการ ประกอบกับมีบางโครงการที่ยกมาจากปีก่อนใกล้แล้วเสร็จ จึงทำให้การรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/60 และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 กลุ่มบริษัท สามารถได้รับงานใหม่ถึง 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,806 ล้านบาท อาทิเช่น โครงการปรับปรุงถนนประชาร่วมใจ-ถนนมิตรไมตรี จากกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง และบมจ. ทีโอที มูลค่างานรวม 990.84 ล้านบาท โครงการจากปตท. และบริษัทในกลุ่มปตท. จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 750 ล้านบาท เป็นต้น