นายเบรนดอน วอเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องมาจากปริมาณความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น อัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น 21 สตางค์/หน่วย เมื่อเทียบกับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร ณ สิ้นปี 2559 ภายหลังจากการปรับเพิ่มในเดือนพฤษภาคมและกันยายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในการเปรียบเทียบผลประกอบการปี 2560 กับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 จำเป็นที่จะต้องพิจารณาด้วยว่าบริษัทได้มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในหน่วยการผลิตหลักในไตรมาสแรกของปี 2560 ซึ่งการซ่อมบำรุงดังกล่าวช่วยทำให้ความพร้อมจ่ายภายหลังการซ่อมบำรุงอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม
ทั้งนี้ GLOW แจ้งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 7.14 พันล้านบาท ลดลงจากระดับ 7.75 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ รายได้/ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี และไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน (Normalized Net Profit :NNP) จำนวน 6.89 พันล้านบาท ลดลง 12% จากงวดปีก่อน ขณะที่มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน จำนวน 1.39 หมื่นล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ในงวดไตรมาส 3/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.23 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี NNP จำนวน 2.35 พันล้านบาท ขณะที่มี EBITDA ที่ไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน จำนวน 4.69 พันล้านบาท
ด้านนายปจงวิช พงษ์ศิวาภัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า ทริสเรทติ้งได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรจาก A+ stable สู่ระดับ AA- stable การปรับเพิ่มดังกล่าวสะท้อนถึงสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากระดับหนี้สินที่ลดลง ประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และกระแสเงินสดที่มีสเถียรภาพจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรม