นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท จะแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานทุกประเภท เพื่อสร้างการเติบโตที่ดีและชดเชยรายได้จากธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ที่ลดลงจากสถานการณ์ราคา NGV ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยบริษัทเตรียมลงนามในสัญญาเป็นพันธมิตรค้าปลีกกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เพื่อนำหัวจ่ายน้ำมันเข้ามาขยายจุดจำหน่ายในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ของทางบริษัท ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ไปสู่การให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงควบคู่กัน รวมถึงจะมีรายได้จากธุรกิจ Non-oil เข้ามาเสริมอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถชดเชยรายได้ที่มาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ NGV ได้
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิ 66.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/60 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจ iCNG หรือธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม มียอดขายเติบโตมากกว่า 90% เนื่องจากมีปริมาณจำหน่ายก๊าซให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นทั้งจากฐานลูกค้ารายใหม่และลูกค้ารายเดิมซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 7 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 290,000 กิโลกรัมต่อวัน และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 5 เมกะวัตต์ (MW) ก็สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกแรกปีนี้ ทำรายได้รวม 1,835.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนนั้น มาจากการปรับแผนโยกย้ายบุคลากรมาเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ที่ SCN เป็นผู้ลงทุนเพื่อสร้างรายได้ประจำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการรับงานในส่วนของธุรกิจ EPC หรือ ธุรกิจออกแบบ ผลิต รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ NGV ชะลอตัวลงไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทปรับแผนในส่วนของธุรกิจ EPC โดยจัดตั้งทีมการตลาดเพื่อออกไปหาลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ EPC ในอนาคต จากปัจจุบันที่มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 455 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า
"เราพอใจในผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 ที่ยังสามารถทำกำไรจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้ประจำมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจ iCNG เป็นกลุ่มที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังมีธุรกิจพลังงานทดแทนที่เข้าช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้"นายฤทธี กล่าว