นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการเตรียมผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ กำลังการผลิตติดตั้ง 100 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 MW โดยบริษัทจะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 3.50 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งหลังจากที่เริ่ม COD โรงไฟฟ้า เป็นที่เรียบร้อย จะส่งผลให้ TPIPP มีปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญาให้แก่ กฟผ. เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 เท่าตัว เป็น 163 MW จากปัจจุบันอยู่ที่ 73 MW
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของปีนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตแบบก้าวกระโดดครั้งใหม่ หลังจากที่ โครงการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 90 MW เริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะได้รับผลดีจากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่า Ft งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย พร้อมทั้งมีความมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้" นายภากร กล่าว
ด้านนายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน ของ TPIPP กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 593.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.75% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้รวม 1,232.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนการขายไฟฟ้าและสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,998.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 3,796.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อรายได้จากการขายไฟฟ้าและสินค้าที่เติบโตตามเป้าหมาย นอกจากนี้ บริษัทยังมีต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"นายภัคพล กล่าว