นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) คาดว่าผลการดำเนินงานทั้งปี 60 รายได้รวมจะขยายตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 560.79 ล้านบาท ตามปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มเป้าหมายของตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยมาอยู่ที่ 3.8% จากเดิมอยู่ที่ 3.5% เป็นผลจากการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวดี
โดยแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt (Hot Melt Adhesive) หรือกาวร้อน เป็นกาวเทอร์โมพลาสติก เพราะสินค้ามีความโดดเด่น และสามารถแข่งขันกับสินค้าที่มาจากต่างประเทศได้ โดยขยายฐานการจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศในกลุ่ม CMV (กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม) รวมถึงออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพราะมีโอกาสทางการตลาด และแนวโน้มการเจริญเติบโตในประเทศกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน ช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทยังดำเนินตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนี้ (1) เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งอุตสาหกรรมในประเทศ และตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น (2) ขยายฐานการจำหน่ายไปยังประเทศอื่นๆ มากขึ้น เช่น ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงออสเตรเลีย (3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตของตลาดและกลุ่มลูกค้าใหม่ (4) ปรับปรุงห้องปฏิบัติการ เครื่องมือเครื่องใช้ในการวิจัยและพัฒนารวมถึงพัฒนาบุคลากร เพื่อมาตรฐานผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่สูงขึ้น
(5) ปรับปรุงระบบการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย เพื่อลดต้นทุนการผลิต และ (6) ปรับปรุงและพัฒนาระบบ Software ของบริษัท เช่น ระบบEnterprise Resource Planning (ERP) โดยการนำระบบ System Application Program (SAP)เข้ามาใช้ในการดำเนินงานของบริษัท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 บริษัทมีรายได้ 153.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.03% จากไตรมาสที่ 3/59 เนื่องจากมีความต้องการของตลาดสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานรอบระยะเวลางวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้เท่ากับ 434.32 ล้านบาท หรือเท่ากับอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 4.05%
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้จากการขายในตลาดต่างประเทศโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา และรอบระยะเวลา 9 เดือน จำนวน 186.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตรา 9.69% สอดคล้องกับความต้องการในตลาดของผลิตภัณฑ์กาวนั้น ผลิตภัณฑ์กาวประเภท hotmelt และ waterbased แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่สูงขึ้นสำหรับระยะเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์กาวประเภท hotmelt โตขึ้นในอัตรา 25.83% และผลิตภัณฑ์กาวประเภท waterbased โตขึ้น38.09% ขณะที่ผลิตภัณฑ์กาวประเภท solvent ลดลงในอัตรา 4.20%
อย่างไรก็ตาม ทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ มีการลงทุนด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักสำหรับการเติบโตทางธุรกิจนั้น ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยังมีการทำกลยุทธ์ในการสร้างภาพลักษณ์และการสื่อสาร เพื่อสร้างการรับรู้และให้เป็นที่รู้จักในตราสินค้าของบริษัท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมงานนิทรรศการแสดงสินค้าทั้งระดับโลกและระดับเอเซีย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงทำให้ตราสินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศในระยะยาว โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกระทบต่อกำไรในไตรมาส 3/60 ทำให้กำไรสุทธิลดลงอยู่ที่ 2.96 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1.49% ในไตรมาส 3/60