CI ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 5%จากราว 3 พันลบ. พร้อมเล็งเปิดคอนโดฯหรูในกทม.-วางเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้รร.ใน 5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 13, 2017 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 5% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทจะหันมาเน้นขายและรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งมีรวมกันอยู่ทั้งหมดราว 6 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีมูลค่ารวมราว 1.5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ อิสสระ คอลเลคชัน สาทร, โครงการ อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์, โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, โครงการ บ้านอิสสระ บางนา, โครงการ บ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ และโครงการคอนโดมิเนียมที่เชียงใหม่ ซึ่งทยอยโอนเข้ามาเป็นรายได้ได้ทั้งหมดภายในช่วงไตรมาส 3/60

ส่วนการเปิดโครงการใหม่ในปี 61 บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมหรูใหม่ที่อยู่ในเมือง ในกรุงเทพฯ จำนวน 1 โครงการ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาที่ดิน แต่บริษัทมองว่าปัจจุบันราคาขายที่ดินในเมืองในกรุงเทพฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเฉลี่ย 350,000-360,000 บาท/ตารางวา ทำให้บริษัทต้องพิจารณาความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ เพราะปัจจุบันการแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยมีความรุนแรง มีซัพพลายเติมเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการตัดสินใจซื้ออาจจะชะลอไปบ้าง แม้ว่าภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีการขยายตัวได้ในระดับ 3-4% และการฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจเป็นการฟื้นตัวแค่ในบางกลุ่ม เช่น กลุ่มส่งออก เป็นต้น ขณะที่ภาคเกษตรยังเผชิญกับราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มตกต่ำต่อเนื่อง ทำให้รายได้ลดลง และภาคครัวเรือนยังเผชิญกับปัญหาหนี้สินครัวเรือนในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย และการตัดสินใจซื้อที่ชะลอตัวลงไป

โดยกลยุทธ์ที่บริษัทจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวะของธุรกิจในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องกระจายการดำเนินธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การที่บริษัทหันมาเน้นทำธุรกิจทางด้านการพัฒนาโรงแรม การเป็นเชนในการบริหารโรงแรม และการเป็นผู้พัฒนาหลักสูตรการอบรมบุคลากรด้านการโรงแรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมภายใน 5 ปี (ปี 61-65) เพิ่มเป็น 35% ของรายได้ทั้งหมดจาก 26% ในปัจจุบัน โดยจะเพิ่มโรงแรมในพอร์ตบริหารอีกราว 4-5 แห่ง ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท จำกัด พันธมิตรจากประเทศจีน เพื่อรับบริหารโรงแรมที่ไหหนาน ในจีน โดยปัจจุบันโรงแรมดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในปี 62 ซึ่จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในช่วงปี 62-63

ด้านการบริหารโรงแรมบริษัทยังคงจะเข้ารับบริหารโรงแรมให้กับจุนฟาต่อไป ซึ่งทางจุนฟาจะมีโรงแรมทยอยเปิดใหม่หลังจากไหหลำ อีก 2 แห่ง ได้แก่ ในคุนหมิง และหลีเจียง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น ส่วนโรงแรมที่บริษัทพัฒนาเอง คือ ศรีพันวา ภูเก็ต ยังมีที่ดินเหลืออีกราว 10 ไร่ ซึ่งจะเป็นการทยอยพัฒนาห้องพักแบบวิลล่า 10 หลัง และห้องพักในโซนฮาบิทา 20 ห้อง ซึ่งจะทยอยก่อสร้างภายในปี 61 เป็นต้นไป และจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเพิ่มตั้งแต่กลางปี 62 เป็นต้นไป โดยในปี 61 บริษัทจะใช้งบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 700 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติรายอื่น ๆ ที่สนใจร่วมลงทุนกับบริษัท และเป็นการเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งกันและกัน เข้ามาพูดคุย ซึ่งบริษัทจะเน้นการเข้ามาเสริมรูปแบบการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน และยุโรป เข้ามาพูดคุยเพื่อเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทประเทศละ 2-3 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา และยังไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงใด เพราะบริษัทต้องมีการพิจารณาถึงแนวคิดการเข้ามาทำงานร่วมกันที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยปัจจุบันบริษัทได้เป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการจากจีน 2 ราย คือ จุนฟา และเทียนหยวน

“อสังหาฯต้องเปลี่ยนแนวการทำธุรกิจแบบใหม่ ไม่ไช่พัฒนาโครงการมาขายทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรม แล้วก็หาที่ใหม่มาพัฒนาแล้วขายต่อ แบบนี้ทำไม่ได้แล้ว ต้องพัฒนาและปรับให้เข้ากับยุคสมัย ใครปรับได้ก็อยู่ได้ อย่างของเราก็ต้องปรับระบบการตลาด มีทีมเซลล์ของเราและใช้ Outsource ที่เป็นเอเจ้นท์ด้วย ใช้การตลาดและการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น และตอนนี้ก็เปิดรับพันธมิตรใหม่ที่มีแนวคิดการพัฒนาอสังหาฯในรูปแบบใหม่มาคุย ซึ่งก็มีกลุ่มทุนต่างชาติจากญี่ปุ่น จีน และยุโรป อย่างละ 2-3 ราย ที่คุยอยู่ แต่ก็คุยไปเรื่อยๆขอดูว่าแนวคิดเขาเข้ามาแล้วมีประโยชน์กับเราอย่างไร มองเทรนด์ตอนนี้ต่างชาติก็มีเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในไทยค่อนข้างมาก เพราะเขามองประเทศไทยเป็นประเทศที่ยังมีโอกาสและน่าสนใจที่จะลงทุน"นายสงกรานต์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรด้านการโรงแรม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาโรงแรมศรีพันวาได้จัดทำโครงการ SRI PANWA Academy เป็นโรงเรียนการโรงแรมสำหรับจัดอบรมพนักงานศรีพันวาและโรงแรมอื่นๆในเครือโดยโครงการ SRI PANWA Academy มีโครงสร้างหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้งในด้านความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการในแบบฉบับของศรีพันวา โดยจะมีบุคลากรโรงแรมศรีพันวาที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในแต่ละสายงานมาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่พนักงานในแต่ละระดับ และจะร่วมดึงพันธมิตรด้านการโรงแรมจากต่างประเทศมาร่วมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เช่น พันธมิตรจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจะเริ่มเปิดการสอนอย่างเต็มรูปแบบภายใน 1-2 ปีจากนี้ ซึ่งในช่วงปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนนักเรียน 50 คน และรับนักเรียนได้มากที่สุดราว 500 คน

ส่วนการขยายมูลค่าสินทรัพย์ในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) ในปี 61 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าในกองทรัสต์ SRIPANWA อีก 3 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าเพิ่มเป็น 6 พันล้านบาทในสิ้นปี 61 จากปัจจุบันมีมูลค่ากองอยู่ที่ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำโรงแรม บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เป็นสินทรัพย์ขายเข้ากอง มูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการมองหาสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมในประเทศเพื่อให้กองทรัสต์ SRIPANWA ซื้อเข้ากองอีกมูลค่า 2 พันล้านบาท โดยกองทรัสต์ SRIPANWA จะมีการเพิ่มทุน เพื่อระดมทุนมาซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารและขยายขนาดกองให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่ากระบวนการขายสินทรัพย์จะเสร็จสิ้นภายในปลายปี 61 และคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่ 6-7% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอัตราผลตอบแทนในปัจจุบัน

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจว่ารายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท แม้ว่ารายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก หรือมีรายได้อยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท โดยบริษัทยังพยายามที่จะเพิ่มรายได้ไห้มากขึ้นจากโครงการที่ยังเหลือขายอยู่ และทยอยโอนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท ในปัจจุบัน ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี 61 แต่ภาพรวมของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมองว่าเป็นช่วงเวลาที่การดำเนินธุรกิจอาจจะต้องเหนื่อยกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยยังในช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย สถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่ ทำให้การขายอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ