นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีเอ็มโอ (CMO) ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ ธุรกิจสวนสนุก “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) สวนสนุกแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สุดล้ำในอาเซียน อีก 5 สาขาในต่างประเทศ ในอีก 5 ปี โดยหากขยายงานสำเร็จ อิเมจิเนีย จะเป็น Inter Brand ที่ได้รับการยอมรับ และสร้างรายได้คงที่ให้กับบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจอีกหลายประเทศ ทั้งในอาเซียน และเอเชียตะวันออกกลางอีกด้วย
ธุรกิจสวนสนุก “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) เปิดมาแล้ว 2 ปี บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำสัญญาสร้าง Imaginia Zone ให้กับ Little Prince Kids Theme Park สวนสนุกในเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน และ ล่าสุดได้เซ็นสัญญาแฟรนไชส์ เป็นที่เรียบร้อยที่จะขยายสาขาไปยังเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม บนพื้นที่ 1,800 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างและแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2561
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ จะมุ่งพัฒนาธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยว (Tourist Attraction) ซึ่งเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว 2 แห่ง ได้แก่ “หิมพานต์ อวตาร" และ สวนสนุก “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" ซึ่งหิมพานต์ อวตาร เป็นการแสดงไลฟ์โชว์รูปแบบ 4 มิติ มุมมอง 360 องศา ผสานเทคโนโลยีทันสมัย จัดเต็มทั้งระบบมัลติมีเดีย แสง เสียง และภาพที่สวยงาม จัดแสดงที่ศูนย์การค้า โชว์ ดีซี (Show DC) ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 60 และค่อยๆ ได้รับความสนใจจากผู้ชมมากขึ้นเป็นลำดับ
นับเป็นความท้าทายของบริษัทฯ สำหรับการขยายธุรกิจ Tourist Attraction ซึ่งการดำเนินธุรกิจในด้านนี้ โดยเฉพาะธุรกิจของการแสดงโชว์ เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ 1-2 ปีแรก ส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากรายได้และความนิยมที่ยังมีไม่มาก และต้องใช้เวลาในการสร้างความรู้จัก จดจำ กับนักท่องเที่ยว อย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะได้รับการจัดสรรให้อยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องการมาชม ดังนั้น ในช่วงเวลา1-2 ปี จึงเป็นช่วงเวลาที่กิจการต้องแบกรับภาวะขาดทุน ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่ง หิมพานต์ อวตาร มีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่วันเปิด จนถึงวันนี้ และจะเริ่มทำกำไรไม่เกิน 2 ปี จากนี้ไป สำหรับปัจจุบัน นอกจากความพยายามในการขยายตลาดนักท่องเที่ยว เรายังมีแคมเปญโปรโมชั่น สำหรับตลาดคนไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท ในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีน้อยอยู่ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเป็นคนไทยประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ และเพื่อให้สัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น จึงมีแผนที่จะทำการตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/60 (ก.ค. – ก.ย.) บริษัทฯ มีรายได้ 277.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.14 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.65 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ที่มีรายได้ 246.15 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 37.52 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ขาดทุนลดลง โดยขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 20.5 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนลดลง 45.25%
“สำหรับผลประกอบการของ CMO ตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึง 9 เดือนแรกของปีนี้ จะเห็นว่ามีทิศทางเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ในไตรมาส 3 ถือว่าเติบโตได้ดี เป็นที่น่าพอใจ เพราะปกติใน Q3 จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจอีเว้นท์ แต่ในปีนี้ผลงานยังออกมาดีกว่าปีที่แล้ว ทำให้มั่นใจว่า ในปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะหลายๆ ธุรกิจในภาคเอกชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เริ่มทำการตลาดและจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย ประกอบกับ บริษัทมีงานอีเว้นท์ที่เลื่อนมาจัดในช่วงท้ายปี เป็นจำนวนมาก เสริมกับปกติในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้วอีกด้วย และ ขณะนี้ บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งจะรอรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ CMO" นายเสริมคุณ กล่าว