นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซ อิท (LIT) กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าจะขยายพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2,200 ล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อแตะ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมาย ส่งผลให้สินเชื่อ รายได้ และกำไร ของบริษัทฯ นิวไฮต่อเนื่อง นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ LIT ด้วยดีเสมอมา
และในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทฯ ก็ขยายพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมถึง 2,200 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาลีซ อิท ได้สนับสนุนให้ลูกค้า SME ร่วมเติบโตไปด้วยกัน และพร้อมให้คำปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูกค้า ตลอดจนร่วมผลักดันและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า จนลูกค้าของบริษัทฯได้รับรางวัลในงาน Thailand Top SME Awards 2017 ประเภทผลประกอบการตามกลุ่มอุตสาหกรรมถึง 2 รางวัล ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของลีซ อิท ในการเป็น True Financial Partner
"การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ รายได้ และกำไร ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกๆปีของบริษัทฯ สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งที่สำคัญของ LIT ที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และมีสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ที่ทำงานภาครัฐตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโครงการเช่น สินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล (Bid Bond) สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) และบริการรับซื้อหนี้ทางการค้า (Factoring) ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการสินเชื่อของ LIT อย่างต่อเนื่อง" นายสมพล กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3/60 มีรายได้รวม 112.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.49 ล้านบาท หรือ 55.85% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 72.50 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 39.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.36 ล้านบาท หรือ 46.10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 26.81 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าเอสเอ็มอี ในการเข้าไปรับงานของภาครัฐ จากการขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนผลงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 309.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.55 ล้านบาท หรือ 57.10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 197.1 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 110.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.25 ล้านบาท หรือ 53.16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 71.95 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยอยู่ที่ระดับ 4.83% และบริษัทฯมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 3/2560 เป็น 3.60% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ