นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการลงทุนต่างประเทศ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.) ลาวนั้น ปัจจุบัน SCI มีงานในมือ 416 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2559 รับรู้รายได้เข้ามา 4-5% จากมูลค่างานทั้งหมด และในไตรมาส 1/60 รับรู้เข้ามาประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 การรับรู้รายได้งานโครงการนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากงานก่อสร้างได้ชะลอออกไป ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าในลาว ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ในปี 61 เติบโตก้าวกระโดด
“เชื่อว่าหลังจากทางรัฐบาลลาวได้ข้อสรุป ทาง SCI จะได้รับงานโครงการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงสูงอีก 1 โครงการ มูลค่า 306 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะลาวต้องเร่งสร้างสายส่งไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะทยอยแล้วเสร็จภายในปี 2563-2568 กว่า 1 หมื่นเมกะวัตต์"นายเกรียงไกร กล่าว
ขณะที่การก่อสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และบริการชุบกัลวาไนซ์ (สังกะสี) ที่เมียนมา ซึ่งมีกำลังการผลิต 7,500 ตัน/ปี และชุบสังกะสี 24,000 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/61 โดย SCI ได้เข้าไปเจรจากับภาครัฐของเมียนมา เพื่อหาแนวทางการลงทุนระบบไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนจากภาครัฐเอง หรือหาภาคเอกชนไปลงทุนวางระบบให้แล้วแบ่งปันรายได้กัน
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) โดยการลงทุนผ่านบริษัท ที ยูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ซึ่งคาดว่าจะเห็นรายได้เริ่มทยอยเข้ามาในช่วงปี 2561
นายเกรียงไกร กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 มีรายได้รวม 422.23 ล้านบาท ลดลง 185.84 ล้านบาท ลดลง 30.56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 608.08 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 33.41 ล้านบาท ลดลง 23.64 ล้านบาท หรือ 41.65%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีกำไรสุทธิ 57.04 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้ที่ลดลงนั้นเป็นผลจากการชะลอของงานโครงการก่อสร้างเสาส่งไฟฟ้าในสปป.ลาว อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบจากไตรมาสที่ 2/2560 ทั้งรายได้และกำไรมีการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจตู้สวิตช์บอร์ดและรางเดินสายไฟ อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากการได้รับงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงงานเสาส่งโทรคมนาคมภาคเอกชน ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้รวม 1,323.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.26 ล้านบาท หรือ 15.07% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,149.99 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 42.79 ล้านบาท ลดลง 5.87 ล้านบาท หรือ 12.06% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 48.66 ล้านบาท
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานเสาส่งไฟฟ้าในประเทศเพิ่มส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ด ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้น เช่นเดียวกัน เนื่องจากมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ" นายเกรียงไกร กล่าว