นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ. มาลีกรุ๊ป (MALEE) คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/60 จะเติบโตจากไตรมาส 3/60 หลังจะลงทุนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 330 ล้านลิตร/ปีจากเดิมที่มีกำลังการผลิตรวม 300 ล้านลิตร/ปี ซึ่งจะเริ่มเห็นผลโดยทันที ขณะที่มีคำสั่งซื้อรองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามผลประกอบการทั้งปีนี้คงทำได้เพียงทรงตัวจากปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ผลประกอบการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ในปี 61 คาดว่ายอดขายจะเติบโตราว 30-40% เมื่อเทียบกับปีนี้ จากยอดขายที่ส่งออกแบรนด์มาลีเป็นหลัก โดยด้านธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุดคือ การส่งออกสินค้าแบรนด์มาลี การรับจ้างผลิตภายในประเทศ การขายแบรนด์มาลีในประเทศ และการรับจ้างผลิตในต่างประเทศ ตามลำดับ โดยสัดส่วนมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศและต่างประเทศประมาณ 55% และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิตประมาณ 45% โดยมีการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการลงทุนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากการเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 4/60 รวมถึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ใหม่ ๆ ในปีหน้าด้วย
ด้านผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวมองว่าจะมีการเติบโตต่ำที่สุดโดยประเมินไว้ที่ 10-15% เมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากในต่างประเทศมีผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ โดยทำให้ธุรกิจการรับจ้างผลิตเพื่อการส่งออกลดลง ซึ่งสอดคล้องกับภาพการเติบโตของตลาดโดยรวม
ส่วนการขึ้นภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาลของกรมสรรพสามิต มองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท โดยในระยะยาวอาจมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องตามการปรับอัตราภาษีในอนาคต