BCPG เผยกำไรสุทธิ Q3/60 เติบโต 43% จากงวดปีก่อน หลังมีกำลังผลิตเพิ่ม,รับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าในอินโดฯ-ฟิลิปปินส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 13, 2017 18:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 43 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาสที่ 2/60 โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นประมาณ 854 ล้านบาท ซึ่งมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าของโครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปี 2559 แต่ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจากการที่บริษัทเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ต้นปีเป็นครั้งแรก

รวมถึงจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์ เพิ่มเติมอีกประมาณ 360 ล้านบาท ทำให้ผลกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษเพิ่มขึ้นเป็น 678 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ ร้อยละ 83 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ร้อยละ 56

ทั้งนี้ รายได้ในไตรมาสที่ 3/60 นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทุกโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส จากการที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น โครงการ Nagi ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญา 10.5 เมกะวัตต์

แต่รายได้ลดลงจากไตรมาส 2/60 ร้อยละ 4 เป็นผลมาจากความเข้มแสงที่ต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้สภาพอากาศมีเมฆฝนมากในช่วงดังกล่าว

สำหรับในไตรมาส 3/60 บริษัทได้รับผลกระทบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิประมาณ 166 ล้านบาท โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 89 ล้านบาท และขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ล่วงหน้า 255 ล้านบาท โดยการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนที่เกิดจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศสกุลเหรียญสหรัฐฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนระหว่างช่วงเวลาที่บริษัทได้รับการอนุมัติให้ลงทุนและเวลาที่บริษัทชำระค่าหุ้น ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวเงินสกุลบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานใน 9 เดือนของปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าประมาณ 2,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณเกือบร้อยละ 10 และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนประมาณ 402 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษเท่ากับ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 42 ในขณะที่ในช่วงเวลา 9 เดือนดังกล่าว บริษัทขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 283 ล้านบาท โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 21 ล้านบาท และขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าประมาณ 304 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนตามสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและการแปลงค่าเงินเกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้กลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 1,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 0.2

“นอกจากการดำเนินงานและลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว บีซีพีจีกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจพลังงานที่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet of Energy) ซึ่งล่าสุด เราได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนา Smart Green Energy Community หรือชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะร่วมกับแสนสิริ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการสามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเอง รวมถึงยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกันภายในโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการใช้ blockchain technology และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน เราจึงมั่นใจว่าธุรกิจของบีซีพีจีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยมีรูปแบบของจำนวนเมกะวัตต์ (volume) เป็นฐาน และจะค่อยๆ ก้าวสู่การเพิ่มมูลค่า (value) ไปในอนาคต"นายบัณฑิต กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ