(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งสร้างฐานต่างชาติยังขายต่อเนื่อง-ใกล้สิ้นสุดแจ้งงบฯกระตุ้น Sell on fact

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 14, 2017 09:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งสร้างฐานในระดับ 1,680 จุด ได้ มองแนวนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ เหตุจากนักลงทุนต่างชาติยังขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เฉพาะตลาดบ้านเราเท่านั้น แต่หลายตลาดในภูมิภาคก็มีแรงขายออกมาเช่นเดียวกัน

ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ออกมาคละเคล้าทั้งดีและไม่ดี ใกล้สิ้นสุดการประกาศงบฯแล้ว ดังนั้นอาจจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิด Sell on fact ได้ อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นแรงซื้อจากองทุน LTF-RMF เข้ามาบ้างแล้ว และก็ยังคาดหวังงาน SET in the City จะช่วยหนุนตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบกระจายตัว ติดตามความคืบหน้าของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯต่อไป และให้มองไปที่ประเด็นการเมืองในอังกฤษด้วย

พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 1,695-1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,439.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด (+0.07%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,584.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด (+0.10%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,757.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด (+0.10%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 38.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 89.92 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 19.59 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 พ.ย.60) 1,687.05 จุด ลดลง 2.23 จุด (-0.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,686.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.09%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 พ.ย.60) ที่ 7.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.06 ทรงตัวจากวานนี้ ยังรอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.12
  • บริษัทผู้ประกอบการการขนส่งสินค้าทางเรือได้เข้าหารือและแสดงความสนใจลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วงเงิน 1.41 แสนล้านบาท เป็นโครงสร้างพื้นฐาน 5.7 หมื่นล้านบาท และการบริหารจัดการท่าเรือ 8.4 หมื่นล้านบาท
  • แบงก์ชาติอนุมัติ QR Code ของ 5 แบงก์ "กรุงเทพ-กสิกรฯ-กรุงไทย-ไทยพาณิชย์-ออมสิน"ออกจาก Sandbox พร้อมให้บริการทั่วไปได้ และเดินหน้าทดสอบบริการต่อยอดในส่วนอื่น ขณะที่วีซ่ารับไลเซนส์เป็นเครือข่ายบัตรเดบิตในไทย พร้อมเดินหน้าให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านผลิตภัณฑ์วีซ่าอย่างสมบูรณ์แบบ
  • ขณะนี้การลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพและเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี) ระยะแรกในรูปแบบประชารัฐ มูลค่า 400,000 ล้านบาท ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ระหว่างปี 2560-2569 มีความคืบหน้าอย่างมาก เพราะเอกชนรายใหญ่ของไทยเป็นตัวนำ อย่างบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มมิตรผล มีการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปี 2560 ลงทุนแล้ว คาดว่าจนถึงปี 2561 จะลงทุนประมาณ 56,000 ล้านบาท และจากแผนที่กำหนดไว้ปี 2562-2564 จะลงทุนอีกประมาณ 172,000 ล้านบาท อาทิ โครงการการผลิตร่วมที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความดันสูง (ไฮ เพรชเชอร์ โค-เจเนอเรชั่น) 75,000 ล้านบาท ก่อตั้งนิคมไบโอชีวภาพ 15,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพ และตั้งสถาบันเพื่อการค้นคว้ารวมประมาณ 14,000 ล้านบาท และระหว่างปี 2565-2569 จะลงทุนอีก 152,000 ล้านบาท
  • คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันวาง 4 เป้าหมาย ฝันในอีก 20 ปีข้างหน้าคนไทยมีรายได้เฉลี่ยในระดับประเทศพัฒนาแล้ว จีดีพีขยายตัวปีละ 5% ผลิตภาพการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 3% ติด 1 ใน 20 อันดับความสามารถแข่งขันของไอเอ็มดี จากปัจจุบันอันดับ 27

*หุ้นเด่นวันนี้

  • STANLY (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 320 บาท แม้ปรับคาดการณ์กำไรปี 2561 (เม.ย.60-มี.ค.61) ลง 4% เนื่องจากอัตรากำไรที่ลดลงจากช่วงที่สายการผลิตใหม่เริ่มดำเนินการผลิต อย่างไรก็ดีด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์เร่งตัว, ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น, และความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์โคมไฟรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเพิ่มโอกาสทำกำไร เราปรับประมาณการกำไรปี 2562-2563 ขึ้น 6-9% ด้วยการเติบโตกำไร 20-24% ปี 2561-2562, PE61 11.3x, PBV61 1.2x เป็นทั้ง value + growth play
  • PSH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 25.40 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q3/60 ที่ 1.29 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 26% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 39% YoY โดย Gross Profit Margin อยู่ที่ 36.4% ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 33.7% ทั้งนี้ Presales 9M60 รวมอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 9.8% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดคอนโดที่มีการเติบโตถึง 54% YoY โดยยอดขายกลุ่ม Premium จะเป็นตัวชูโรงสำหรับยอด Presales โดยยังคงคาดรายได้ปี 2560 ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 6.74 พันล้านบาท จากโครงการใน Inventory ที่ 183 โครงการมูลค่ารวม 1.91 แสนล้านบาท ที่จะมาช่วยสนับสนุนยอดโอนใน Q4/60 ประกอบกับโครงการแนวราบที่ทำการเปิดตัวไปในช่วงที่ผ่านมา
  • CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 86 บาท กำไรสุทธิ Q3/60 อยู่ที่ 4.97 พันลบ. +7% Q-Q, +21% Y-Y แม้เป็น Low Season แต่ Stamp Promotion ประสบความสำเร็จดีมาก ทำให้ SSSG +2.4% Y-Y จาก -1% Y-Y ใน Q2/60 ส่วนสาขาใหม่เปิดเพิ่มอีก 145 แห่ง และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นเป็น 22.4% จาก 22.2% ใน 2Q17 และ 22.1% ใน Q3/59 แนวโน้ม Q4/60 จะทำจุดสูงสุดของปีที่ 5.1 พันลบ. เพราะเป็น High Season และ MAKRO จะได้ผลดีจากช้อปช่วยชาติ โดยได้ปรับกำไรปี 2560-2561 ขึ้นเพื่อสะท้อนงบที่ดีกว่าคาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ