นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ตะวันออกพาณิชน์ลีสซิ่ง (ECL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ในปี 61 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีสินเชื่อปล่อยใหม่อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท และคาดว่ายอดสินเชื่อคงค้างในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 4.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นอย่างตัวเนื่อง โดยการปล่อยสินเชื่อใหม่ต่อเดือนในปี 60 จะเพิ่มเป็นเดือนละ 200 ล้านบาท จากปีนี้มีการปล่อยสินเชื่อใหม่ 300 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาเพิ่มในปีหน้าจำนวน 2 สาขาใน จ.ชลบุรี ที่ศรีราชา และพัทยา จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 4 สาขา ซึ่งอยุ่ในภาคตะวันออก ประกอบกับการขยายศูนย์ซ่อมรถมาตรฐานญี่ปุ่นร่วมกับพันธมิตร พรีเมี่ยม ไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส (PFS) คือ FIXMAN อีก 2-3 แห่ง ในกรุงเทพฯและชลบุรี จากปีนี้ที่เปิดบริการสาขาแรกในที่ถนนนวมินทร์ โดยบริษัทจะใช้งบลงทุนในปี 61 ราว 20-30 ล้านบาท เพื่อการขยายสาขาทั้งหมด รวมไปถึงมีโอกาสเปิดร้าน Car Care ในปี 61 เพื่อทำให้การบริการลุกค้าของบริษัทมีความครบวงจร
นอกจากนี้เงินทุนที่รองรับการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของบริษัทนอกเหนือจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 7 แห่ง บริษัทได้มีการขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนหน้านี้ 1.2 พันล้านบาท คาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ในปี 61 จำนวน 2 ครั้ง อายุหุ้นกู้ 2-3 ปี ส่วนอันดับเครดิตเรตติ้งอยู่ระหว่างการรอทริสเรทติ้งประกาศในวันที่ 21 พ.ย.นี้ โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้เพื่อการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รองรับการเติบโตในปี 62 ที่บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 4.8 พันล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างและรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท และ 1 พันล้านบาท ตามลำดับ
ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 60 บริษัทจะควบคุมให้ไม่เกิน 3.8% จากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 3.13% โดยบริษัทมีระบบการติดตามลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แนวโน้มของ NPL ทำให้ยังไม่พบปัญหาการเพิ่มขึ้นของ NPL อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งระดับของ NPL บริษัทจะพยายามรักษาให้ไม่เกิน 3.8% ไปจนถึงปี 62 โดย NPL ที่มีแนวดน้มเพิ่มขึ้น สอดคล้องไปกับการขยายตัวของสินเชื่อของบริษัท
แนวโน้มภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโตขึ้นอย่างมาก จากความต้องการสินเชื่อของลุกค้าที่เพิ่มขึ้นและการรุกขยายฐานลูกค้าของบริษัท ซึ่งทำให้กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ในทุกไตรมาส รวมถึงในไตรมาส 4/60 ด้วย ซึ่งความต้องการใช้สินเชื่อช่าซื้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างในปีนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่บีริษัทคาดการณ์ไว้ 4.5 พันล้านบาทหลัง 9 เดือน ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 25-30% และรายได้ยังคาดว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ 502 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท ในปี 61