(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ย่อตัวลงตามตลาดตปท. หวั่นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 16, 2017 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ต้องรอดูความคืบหน้าของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากปัจจุบันมีแต่ภาพลบ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบก็ได้ปรับตัวลง ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ดี ยังมีความหวังจากงาน SET in the City ที่มีขึ้นในวันนี้ ซึ่งก็หวังเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง แต่ตอนนี้ตลาดฯก็อยู่ที่นักลงทุนรายสถาบัน และกองทุน เพราะนักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นไทย ส่วนหนึ่งอาจมาจากหุ้นไทยได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว และต่างชาติตอนนี้ส่วนใหญ่จะหันไปเล่นที่ตลาดอินเดียมากกว่า เพราะมีการเติบโตมากกว่า ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกดี อินเดียก็จะดีไปด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,680-1,675 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,705 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,271.28 จุด ร่วงลง 138.19 จุด (-0.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.62 จุด ลดลง 14.25 จุด (-0.55%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,706.21 จุด ลดลง 31.66 จุด (-0.47%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 112.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 4.17 จุด,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.05 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ย.60) 1,690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด (-0.73%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,485.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ย.60) ที่ 7.00 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.00 แนวโน้มแข็งค่าต่อ รับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 32.95-33.05
  • "นายกฯ-ประวิตร" ยกเลิกหมายกระทันหัน จัดโผครม.วุ่นแบ่งหลายขั้วไม่ลงตัว นายกฯเครียดหนัก คาด "โละทีมเศรษฐกิจ" ยกแผง "พรเพชร" ปัด 4 สนช.ลาออกรับตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะตัวเก็ง "จักรทิพย์" ยังปฏิเสธ
  • "สมคิด" มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะโต 4-5% หารือทีมเศรษฐกิจแล้วเตรียมเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ประชาชนระดับฐานราก จ่อดึงงบฯ "อปท." 2 แสนล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซีอีก 1.5 ล้านล้านบาท
  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป สำหรับแนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ 1.การจัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ทางการเงินแห่งชาติ (วาระแห่งชาติ) 2.การสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันหรือองค์กรการออมที่ไม่ใช่สถาบันการเงินในระบบ 3.การเพิ่มผลิตภัณฑ์การออมและมาตรการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย 4.การเติมเต็มระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุ
  • ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คาดว่า ปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-กันยายน 2561) กนอ.จะสามารถสร้างยอดขายและเช่าที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 3,500 ไร่ เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวดีจากการที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย มาตรการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกฎหมายที่ชัดเจน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตตามทิศทางการใช้กำลังการผลิตของผู้ประกอบการที่มีอัตราที่สูงขึ้นกว่าปี 2560 นอกจากนี้ ไทยยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ปัจจุบันมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • S11 (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 10 บาท กำไร Q3/60 อยู่ที่ 98 ล้านบาท ดีขึ้น 10%QoQ แต่ลดลง 6%YoY สินเชื่อยังเติบโตได้ดีจากการขยายพื้นที่และส่วนแบ่งตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งผิดจากเดิมที่คาดว่าจะเห็นแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 60-61 ลง เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่สูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว
  • PTT (เอเอสแอล) "เก็งกำไร"เป้า 440 บาท ปรับกำไรปี 60 เพิ่ม เป็นสถิติใหม่ของบริษัท เพื่อสะท้อนกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนปี 60 ที่ผ่านมา ทำให้กำไรสุทธิปี 60 เติบโตกว่า 28% YoY ด้านกำไรปกติ Q4/60 คาดว่าจะลดลง ตามความต้องการใช้ก๊าซฯ ที่ลดลงตามฤดูกาล และการรับรู้กำไรจากธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีที่ลดลง อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรปกติปี 61 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มกลุ่มธุรกิจ ด้านเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ H2/60 ประเมินอยู่ที่ 10 บาท upside ของราคาหุ้นเริ่มจำกัด
  • AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.60 บาท กำไรสุทธิ Q3/60 ดีเกินคาด +129% Q-Q, +221% Y-Y อยู่ที่ 587 ล้านบาท จากการโอนที่ดินอมตะนครเกือบ 60 ไร่ ซึ่งเป็นผืนที่มีอัตรากำไรสูงราว 75% อีกทั้ง ยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีและโรงไฟฟ้าบี.กริมมีผลประกอบการสูงขึ้น แนวโน้ม Q4/60 ยังดีต่อเนื่องถึงปี 2561 จากเศรษฐกิจที่สดใสและมี Backlog สูงถึง 1.96 พันล้านบาท จากผลของยอดขายที่ดิน Q3/60 ที่สูงถึง 155 ไร่ เทียบกับ Q2/60 ที่ขายได้ 113 ไร่
  • BH (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 235 บาท ภายใต้กลยุทธใหม่ในปี 2561 เชื่อเหมือนฝ่ายบริหารว่าศักยภาพของ BH จะยังคงเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเร่งในปัจจุบัน ร่วมกับการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้การเติบโตในปี 2561 ของ BH อยู่ในระดับ 15% ทั้งนี้ หุ้น BH ได้ซื้อขายกันอยู่ในระดับ PE ที่ต่ำกว่าค่าอุตสาหกรรม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ