ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2,000 ลบ. IVL ที่ระดับ “A+/Positive"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 16, 2017 10:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (IVL) ที่ระดับ “A+" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “A-"

ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 2 ขั้นสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารดังกล่าวได้ พร้อมกันนี้ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้เป็นทุนในการดำเนินงาน

อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ IVL สะท้อนถึงการเป็นผู้ผลิตชั้นนำในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ของบริษัทตลอดจนความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีระบบการผลิตที่ครบวงจร (Vertical Integration) รวมถึงการมีฐานการผลิตและฐานลูกค้าที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหารของบริษัท รวมทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญในอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

IVL ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2546 โดยกลุ่มตระกูล Lohia ในฐานะเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 และ

ณ เดือนกันยายน 2560 กลุ่มตระกูล Lohia มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 65.9% ธุรกิจหลักของบริษัทประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ Polyethylene Terephthalate (PET) กลุ่มธุรกิจไฟเบอร์ (Fiber) และกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบ (Feedstock) ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ 10.5 ล้านตันต่อปี โดยประมาณ 41% เป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจ PET อีก 15% เป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจ Fiber และอีก 44% เป็นกำลังการผลิตของกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบ

บริษัทมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกโดยมีโรงงานทั้งหมด 74 แห่งตั้งอยู่ใน 24 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีป ได้แก่ เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอาฟริกา รูปแบบธุรกิจของบริษัทมีเป้าหมายมุ่งสู่การผลิตแบบครบวงจร มีฐานการผลิตที่กระจายตัวทั่วโลก และยกระดับสู่การมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงให้มากขึ้น ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนบรรเทาความเสี่ยงที่บริษัทจะได้รับจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุปสรรคทางการค้าได้

ในช่วงระหว่างปี 2559 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทได้ซื้อกิจการจำนวน 5 แห่งรวมมูลค่าประมาณ 31,500 ล้านบาท การซื้อกิจการในครั้งนี้ประกอบด้วยการซื้อโรงงาน Purified Terephthalic Acid (PTA) ในประเทศสเปน การซื้อโรงงานผลิต Paraxylene (PX) และ PTA แบบครบวงจรในประเทศสหรัฐอเมริกา การซื้อโรงงานผลิตเส้นใยชนิดพิเศษในยุโรป ประเทศจีน และประเทศเม็กซิโก รวมถึงการซื้อโรงงาน PET ในประเทศอินเดีย ซึ่งทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8.8 ล้านตันในปี 2558 เป็น 10.5 ล้านตันในเดือนกันยายน 2560

การซื้อกิจการดังกล่าวช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัทเนื่องจากส่วนต่างราคาของ PTA และวัตถุดิบในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปนั้นมีมากกว่าในทวีปเอเชียซึ่งในอดีตบริษัทมีฐานการผลิต PTA ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย นอกจากนี้ โรงงาน PTA ในประเทศสเปนรวมถึงโรงงานผลิต PX และ PTA แบบครบวงจรในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นยังมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงด้วยซึ่งได้แก่ Isophthalic Acid (IPA) และ Naphthalene Dicarboxylate (NDC) ตามลำดับ

การซื้อกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาช่วยสร้างความสมดุลให้แก่บริษัทในด้านการกระจายตัวในแต่ละภูมิภาค ทั้งนี้ ประมาณ 38% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัทนั้นตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ อีก 32% ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย และประมาณ 30% ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป ภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปอาฟริกา

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานแยกก๊าซอีเทน (Ethane Cracker) ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งบริษัทได้ซื้อมาตั้งแต่ปี 2557 ด้วย ซึ่งการปรับปรุงโรงงานแยกก๊าซอีเทนนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินงานได้ในปลายปี 2560 โรงงานแห่งนี้จะมีส่วนช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้แก่บริษัทจากการที่ราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับที่ต่ำ และยังเป็นอีกก้าวหนึ่งของบริษัทในการรวมการผลิตต้นน้ำ (Backward Integration) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอีกด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากเอธิลีน (Ethylene) นั้นเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิต Mono Ethylene Glycol (MEG)

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 215,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ภาวะอุปทานส่วนเกินสำหรับผลิตภัณฑ์ PTA ในเอเชียสร้างแรงกดดันให้แก่อัตราการทำกำไรของบริษัทเนื่องจากอุปทานส่วนเกินดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทำให้ส่วนต่างราคาของ PTA และวัตถุดิบค่อนข้างแคบในทวีปเอเชีย โดยมีส่วนต่างราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน

อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการในช่วงปี 2558-2560 ช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้แก่บริษัทและสร้างความสมดุลให้แก่ธุรกิจวัตถุดิบของบริษัท อัตรากำไร (กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากประมาณ 5% ในช่วงปี 2555-2557 เป็น 11% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ซึ่งเป็นผลจากการซื้อโรงงาน PTA ในประเทศแคนาดา สเปน และสหรัฐอเมริกา

กลยุทธ์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเป็นอีกส่วนหนึ่งในการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ในปี 2555 บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงคิดเป็นประมาณ 16% ของการผลิตทั้งหมดของบริษัทและคิดเป็น 25% ของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมของบริษัท อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของการผลิตรวมของบริษัทและคิดเป็นประมาณ 55% ของ EBITDA ของบริษัท

สำหรับ EBITDA ต่อตันนั้นปรับตัวดีขึ้นจากประมาณ 80-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในช่วงปี 2558-2559 เป็น 114 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 การเพิ่มขึ้นของ EBITDA ต่อตันเป็นผลจากการมีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การซื้อโรงงาน PTA ในยุโรปและสหรัฐอเมริกายังช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัทอีกด้วยเนื่องจากส่วนต่างราคาของ PTA ในภูมิภาคดังกล่าวนั้นสูงกว่าในเอเชีย ทั้งนี้ ความต่อเนื่องของอัตรากำไรที่ดีขึ้นดังกล่าวยังต้องมีการติดตามต่อไป

บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ ส่วนของทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 15,500 ล้านบาทจากการใช้สิทธิ์ในใบสำคัญแสดงสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2560 โดยนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดบางส่วน ทำให้บริษัทมีเงินกู้รวมซึ่งปรับปรุงด้วยหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (เงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้ว) ลดลงเหลือจำนวน 92,767 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2560 และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้วต่อโครงสร้างเงินทุนดีขึ้นจาก 56.6% ณ เดือนมิถุนายน 2560 เป็น 49.3% ณ เดือนกันยายน 2560 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทก็ดีขึ้นจาก 16,108 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เป็น 23,718 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้วดีขึ้นจากประมาณ 12%-16% ในช่วงปี 2555-2558 เป็น 28.5% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560

สถานะทางการเงินในอนาคตของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นจากระดับปัจจุบันเนื่องจากบริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากที่ได้ลงทุนซื้อกิจการต่าง ๆ ไปในช่วงปี 2558-2560 ทั้งนี้ ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งได้พิจารณารวมไปถึงงบประมาณในการซื้อกิจการและแผนการลงทุนของบริษัทซึ่งรวมไปถึงการซ่อมบำรุง การปรับปรุงกระบวนการผลิต และการขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย โดยคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 136,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2560-2563

แผนลงทุนดังกล่าวจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านตันต่อปีในปี 2560 เป็นประมาณ 15.5 ล้านตันต่อปีในปี 2563 นอกจากนี้ จากสมมติฐานการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงร่วมกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วน EBITDA ต่อตันของบริษัทจะอยู่ในช่วง 105-115 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ระดับประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระประมาณ 10,500 ล้านบาทในปี 2561 จำนวน 22,200 ล้านบาทในปี 2562 และ อีกประมาณ 14,600 ล้านบาทในปี 2563

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง รวมถึงประโยชน์ที่บริษัทได้รับจากระบบการผลิตที่ครบวงจร และกลยุทธ์ในการกระจายฐานการผลิตและฐานลูกค้าในช่วงปี 2558-2560

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในช่วงประมาณ 20%-25% อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีผลลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือการซื้อกิจการขนาดใหญ่โดยใช้เงินกู้จนส่งผลทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ