บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) แจ้งว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จาก 990 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 หนุนให้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 3,804 ล้านบาท
การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้งสามกลุ่มธุรกิจ ทั้งโรงแรม อาหาร และไลฟ์สไตล์ แม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความท้าทายในหลายตลาดก็ตาม ขณะที่บริษัทสามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศไทยและในบางประเทศที่สำคัญที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การกระจายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายภูมิภาค รวมถึงการปฏิบัติงานอันเป็นเลิศและการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัย
โดยในไตรมาส 3/60 ไมเนอร์ โฮเทลส์มีกำไรสุทธิจำนวน 673 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จาก 561 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 การเติบโตดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในประเทศไทย บราซิล และโปรตุเกส รวมถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายของโครงการอนันตรา เวเคชั่น คลับ ภายหลังจากได้มีการปรับปรุงรูปแบบการขายใหม่ในปี 2558 กลุ่มโรงแรมในประเทศไทยที่บริษัทเป็นเจ้าของเองมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในไตรมาส 3 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนใหญ่เนื่องมาจากโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเองในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และ โรงแรมเดอะ เซ็นต์ รีจิส กรุงเทพฯ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นในอัตรามากกว่าร้อยละ 10 ในไตรมาส 3 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โรงแรมทิโวลีสองแห่งในประเทศบราซิลยังคงได้รับผลประโยชน์จากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการปรับปรุงโรงแรม ส่งผลให้มีอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/60 ส่วนกลุ่มโรงแรมทิโวลีในประเทศโปรตุเกสมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นในอัตรามากกว่าร้อยละ 10 จากการปรับปรุงโรงแรมและช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ โครงการอนันตรา เวเคชั่น คลับมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องสี่ไตรมาสติดต่อกัน ภายหลังจากได้มีการปรับปรุงรูปแบบการขายใหม่ตั้งแต่ปี 2558 โดยมีการเติบโตของรายได้ในอัตราเกือบร้อยละ 30 ในไตรมาส 3/60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้โครงการอนันตรา เวเคชั่น คลับ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ผันผวนตามผลการดำเนินงานที่สูง (High Operating Leverage) มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 3/60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์มั่นใจในผลการดำเนินงานของบริษัทตลอดปี 2560 และในปี 2561 โดยโรงแรมในประเทศไทยจะมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว ทั้งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงและต่อไปในอนาคต ส่วนการดำเนินงานในต่างประเทศ ไมเนอร์ โฮเทลส์คาดว่าโรงแรมในประเทศบราซิลจะสามารถรักษาการเติบโตของอัตราการเข้าพักและค่าห้องเฉลี่ยต่อคืนได้อย่างต่อเนื่อง จากการปรับปรุงโรงแรมและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น
ส่วนในประเทศโปรตุเกส ไมเนอร์ โฮเทลส์จะยังคงดำเนินการลงทุนปรับปรุงโรงแรมในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวเพื่อสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งในปี 2561 นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์คาดว่าการขายโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายและอนันตรา เวเคชั่น คลับจะช่วยให้รายได้และกำไรสุทธิของธุรกิจโรงแรมเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
ไมเนอร์ ฟู้ดมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เป็น 442 ล้านบาท จาก 420 ล้านบาท ในไตรมาส 3/59 แม้ว่าจะเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจและสภาวะการแข่งขันที่ท้าทายในหลายตลาดที่สำคัญที่ไมเนอร์ ฟู้ดดำเนินธุรกิจอยู่ ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ เป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัยของธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและระบบการจัดซื้อและขนส่งของธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน การเพิ่มขึ้นของกำไรจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในริเวอร์ไซด์ของไมเนอร์ ฟู้ดในเดือนมิถุนายน ปี 2560 ผลการดำเนินงานที่มั่งคงของธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลีย และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจร้านอาหารในตลาดใหม่ ๆ ซึ่งยังมีสัดส่วนรายได้ไม่มาก เช่น ตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ด้วยการขยายสาขาเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นทั้งหมด 2,042 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3/60 ส่งผลให้ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเติบโตในอัตราร้อยละ 3.2 ในไตรมาส 3/60
ไมเนอร์ ฟู้ดคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้และในปี 2561 ในประเทศไทย ไมเนอร์ ฟู้ดเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึงในไตรมาส 4/60 และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2561 ภายหลังจากช่วงไว้อาลัย ส่วนในต่างประเทศ คาดว่าธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนจะยังคงเป็นประเทศที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต โดยมีผลการดำเนินงานและอัตราการทำกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากภาวะการบริโภคภายในประเทศที่ดีและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงขึ้น
ธุรกิจการให้สิทธิแฟรนไชส์ของธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลียคาดว่าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนตัว ในขณะที่ธุรกิจเมล็ดคั่วกาแฟยังคงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีกำไร ส่วนแบรนด์เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในหลายประเทศนอกประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของแบรนด์ นอกจากนี้ อัตราการทำกำไรของธุรกิจร้านอาหารในประเทศสิงคโปร์น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อไปในอนาคต จากการปิดตัวสาขาร้านอาหารที่ไม่ทำกำไร
ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ มีกำไรเพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มสินค้าแฟชั่น โดยเฉพาะแบรนชาร์ล แอนด์ คีธและอเนลโล่ ส่วนธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้ามีผลการดำเนินงานและอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/60 โดยไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงแข็งแกร่งตลอดปีนี้และในปี 2561 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศโดยภาพรวมที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในเครือต่อไป