นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ทะลุเป้าหมาย 3 แสนล้านบาท หลังในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้วราว 2.5 แสนล้านบาท เนื่องจากปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สูงขึ้นด้วย และคาดว่าในปี 61 รายได้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีนี้ และคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะอยู่ราว 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับปีนี้
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปี 61 จะเคลื่อนไหวในระดับประมาณ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มีแนวโน้มย่อตัวลงจากปัจจุบัน แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงดำเนินมาตรการลดกำลังการผลิตตามแผน แต่กลุ่มนอนโอเปก ทั้งสหรัฐ ลิเบีย และ ไนจีเรีย ก็ได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมของอุปทานไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความต้องการใช้น้ำมันยังเติบโตไม่มาก ทำให้ตลาดยังอยู่ในภาวะอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ซึ่งกรณีนี้ที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำก็จะส่งผลดีให้กับบริษัทเนื่องจากมีต้นทุนที่ลดลง
สำหรับในปี 61 บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงกลั่นซึ่งคิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิทั้งหมดของบริษัท ยังมีกำลังการกลั่นที่ดีต่อเนื่องและสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งคิดเป็น 20-25% ของกำไรสุทธิทั้งหมดของบริษัท ภาพรวมจะทรงตัวจากปีนี้ เนื่องจากมีผู้ผลิตใหม่ในตลาดโลกเข้ามามาก แต่ความต้องการจากธุรกิจปลายน้ำก็มีมากเช่นกัน โดยสายธุรกิจอะโรเมติกส์ในปีหน้า คาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ของผลิตภัณฑ์พาราไซลีนเข้ามาราว 2.8 ล้านตัน จากปีนี้ที่คาดจะเข้ามา 1.8 ล้านตัน และคาดว่าจะมีกำลังผลิตใหม่ของผลิตภัณฑ์เบนซีนเข้ามา 1.27 ล้านตันในปีหน้า
ด้านธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและยางมะตอยซึ่งคิดเป็น 10-15% ของกำไรสุทธิทั้งหมดของบริษัท ภาพรวมจะทรงตัวแม้จะมีกำลังการผลิตใหม่ในตลาดเข้ามาเพิ่มขึ้นราว 1.9 ล้านตัน แต่มองว่าเป็นคนละตลาด และไม่กระทบต่อบริษัท โดยบริษัทจะเน้นในตลาดน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำซึ่งใช้ในเครื่องจักรโรงงานและเรือเดินทะเล แต่กำลังการผลิตใหม่ส่วนมากที่เข้ามาอยู่ในตลาดรถยนต์ ขณะเดียวกันในธุรกิจยางมะตอยจะยังทรงตัวเช่นกัน
ด้านธุรกิจ Linear Alkyl Benzene (LAB) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักในธุรกิจผงซักฟอกนั้น มองว่าจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
นางภัทรลดา กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าบริษัทจะออกไปนำเสนอข้อมูล (Road Show) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยคาดหวังว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่ม โดยในปัจจุบัน มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนต่างชาติราว 22%