(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตปท. คลายกังวลร่างกม.ปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ, เล็งพาณิชย์แถลงตัวเลขศก.ออกมาดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 22, 2017 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้น ตามตลาดสหรัฐฯ หลังผ่อนคลายเรื่องร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯก็ดูดีด้วย

นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น ยังมองไปที่เงินทุนไหลเข้า แม้ว่าจะเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นมาก ยังไม่ได้เข้าตลาดหุ้น แต่ก็ทำให้เห็นได้ว่า Fund Flow ยังอยู่ในประเทศ ระยะถัดไปอาจมีเงินทุนบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นก็ได้ ทำให้ตลาดฯปรับตัวลงได้ยาก

ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจเช้านี้ คาดว่าจะออกมาดี เนื่องจากได้รับโมเมนตัมเศรษฐกิจจีนที่มีการนำเข้า และสินค้าราคาเกษตรของไทยก็ไม่แย่ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น RATCH, PTTEP เป็นต้น

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,705-1,717 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด (+0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด (+1.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 185.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 269.12 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 36.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 15.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 17.53 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) 1,710.48 จุด ลดลง 3.90 จุด (-0.23%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 554.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ย.60) ที่ 7.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.76 ยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์-เม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 32.70-32.85
  • นักบริหารเงิน มองแนวโน้มบาทแข็งต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า หลังแผนปฏิรูปภาษีทรัมป์ยังไร้ความชัดเจน เชื่อไตรมาสแรกมีโอกาสแตะ 31.30-32.20 ต่อดอลลาร์ แนะผู้ส่งออกประกันความเสี่ยง ขณะครึ่งปีหลังส่ออ่อนค่าลง ด้าน "พรายพล" มอง "จีดีพี" ปีหน้าโตใกล้ปีนี้ แนะประเมินมาตรการช้อปช่วยชาติยังจำเป็นหรือไม่
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยผลประกอบการ 9 เดือน ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ว่า บจ.มีกำไรสุทธิรวม 7.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายรวม 7,977,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
  • วันที่ 22 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ด) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะเสนอเพื่อพิจารณา คือ การอนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อให้เป็น 2 โครงการแรกที่จะมีการประกาศร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มประมูลต้นปี 2561
  • คมนาคมเร่งทำแผนมอเตอร์เวย์ หาดใหญ่สะเดา และรถไฟทางคู่ระยะ 2 ลงภาคใต้ 3 สาย เตรียมเสนอ ครม.สัญจรพิจารณาที่สงขลา 27-28 พ.ย.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SKE (บมจ.สากล เอนเนอยี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สังกัดหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยมีราคาขาย IPO ที่ 1.80 บาท/หุ้น บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 2.44 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2562 มี CAGR ราว 46%

บริษัทฯเป็นผู้ประกอบธุรกิจสถานีอัดก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ PTT เพื่อขนส่งไปให้สถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ หรือสถานีลูก รวมถึงการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

  • CK (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 32 บาท งานประมูลจะกลับมาคึกคักในปี 61 จากทั้ง Action Plan ปี 61 ของภาครัฐและโครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) วงเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท ณ ปัจจุบัน CK มี Backlog ในมือราว 7.86 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ยาว 2-3 ปี อีกทั้งมีแรงหนุนจากทั้งรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ปีละราว 800-1,000 ล้านบาท และการเติบโตของบริษัทลูก มองเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาเพียงตัวเดียวที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งถนน ระบบราง ประปา และโรงไฟฟ้า สอดคล้องกับแผนการพัฒนาประเทศระยะยาว
  • PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท เป็น Leader ที่กำลังก้าวไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV ให้ลูกค้ายุโรปเป็นรายแรก ซึ่งล่าสุดได้รับงานเพิ่มในการผลิตชิ้นส่วน Plug-in Hybrid Electric Vehicles และ Battery Electric Vehicles รวม 2 โครงการมูลค่า 2 พันล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิ Q4/60 โตแรง Y-Y และอาจไม่ลง Q-Q ทั้งที่เป็น Low Season เพราะมีคำสั่งซื้อที่ลูกค้าเลื่อนรับมอบจาก Q3/60 เป็น Q4/60 และเป็นช่วงที่จะมีการส่งมอบชิ้นส่วนให้กับ Big Bike, Big Truck, รวมถึงกลุ่ม Non-Auto มากขึ้น พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ +69% Y-Y ปีหน้า +15% Y-Y ยังให้เป็น Top Pick จากโอกาสการเติบโตและฐานะการเงินที่ดีกว่ากลุ่ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ