นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า แผนการปรับปรุงโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.61 และเริ่มรื้อถอนในช่วงเดือน ก.ค.61 เพื่อสร้างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพแห่งใหม่ภายในโครงการมิกซ์ยูส ใช้เวลาสร้างราว 3-4 ปี ดังนั้น ในช่วงปี 61-64 รายได้จากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพจะหายไปราวปีละ 900 ล้านบาท ซึ่งจะกดดันรายได้รวมของบริษัทให้ลดลงตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป
บริษัทจึงมีแนวทางชดเชยรายได้ที่หายไปด้วยการเตรียมแผนเข้าซื้อกิจการโรงแรมและอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเข้ามาเสริมรายได้ ซึ่งในปี 61 จะมีการเปิดให้บริการร้านอาหารแบรนด์ใหม่ในห้างสรรพสินค้า 3-4 แห่ง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นหางานบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมไว้แล้ว 62 แห่ง ใน 17 ประเทศ โดยจะเริ่ม 6-8 แห่งภายในปี 61 รวมทั้งแฟรนไชส์อีก 40 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเปิดโรงแรมแบรนด์ใหม่ในเครือดุสิตธานีช่วงต้นปี 61 เลื่อนจากกำหนดเดิมปลายปี 60 โดยตั้งอยู่ในทำเลจตุจักร เพื่อให้สร้างรายได้เข้ามาทันชดเชยรายได้จากการปิดโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ แม้ว่าอาจจะไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมดก็ตาม แต่บริษัทก็ยังมีรายได้จากค่ามัดจำพื้นที่ศูนย์การค้าและโครงการที่อยู่อาศัยในโครงการมิกซ์ยูสดังกล่าวที่บริษัทเข้าไปบริหารเข้ามาช่วยสนับสนุนรายได้อีกส่วนหนึ่ง
หลังจากการก่อสร้างโครงการในพื้นที่โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพแห่งใหม่แล้วเสร็จ มองว่าโครงการดังกล่าวจะกลับมาเป็นเป็นเรือธง (Flagship) หรือเป็นสัญลักษณ์ (Icon) ในย่านต้นสีลมอีกครั้งเช่นเดียวกับโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพในอดีต 48 ปีที่ผ่านมา โดยการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจะเป็นรูปแบบที่สร้างมูลค่าทางธุรกิจและมูลค่าทางจิตใจควบคู่กันไป พร้อมกับการผสมผสานเกี่ยวกับการอยู่อาศัย การค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและประเพณี รวมถึงธรรมชาติไปพร้อมๆกัน
“พื้นที่ดุสิตธานี กรุงเทพ ถือเป็นจิตวิญญาณของทุกคนในเครือดุสิตธานี การปิดก่อสร้างไปเป็นการหายไปในทางกายภาพ แต่ทางจิตวิญญาณยังคงมีอยู่ ตามกำหนดก่อสร้างของโครงการบนพื้นที่ดุสิตธานี กรุงเทพ จะเริ่มปิดให้บริการวันที่ 16 เม.ย.ปีหน้า และจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ค.ปีหน้า แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการก่อสร้างไปบ้าง หากต้องมีการปรับแบบบางอย่างในโครงการ รูปแบบโครงการจะเป็นแบบมิกซ์ยูสที่ผสมผสานสิ่งต่างๆให้มีมูลค่าทางธุรกิจและมูลค่าทางจิตใจ"นางศุภจี กล่าว