น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อนุมัติมาตรการส่งเสริมให้ SME จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยให้ได้รับวงเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นเพิ่มอีกร้อยละ 100 ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ SME ไทยพัฒนาศักยภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อก้าวสู่ระดับสากล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ถึง 30 ธ.ค.63 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยพัฒนาศักยภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อก้าวสู่ระดับสากล
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า และเพื่อเสริมให้มีการลงทุนในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้เปิดการส่งเสริมกิจการศูนย์กลางการค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงกร เพื่อสนับสนุนให้ SME พัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และต่อยอดโอกาสทางการตลาด โดยใช้ศักยภาพเชิงที่ตั้งของพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนทั้ง 10 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และทำให้ประเทศไทยก้าวเป็นศูนย์กลางการค้าครบวงจรในภูมิภาค โดยกำหนดให้ยื่นขอรับส่งเสริมภายในวันที่ 30 ธ.ค.61 เพื่อเร่งรัดให้มีการลงทุนโดยเร็ว
ทั้งนี้ กำหนดรูปแบบการลงทุนเป็น 2 แบบ คือ
1.กรณีโครงการที่ตั้งในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ชายแดน 10 จังหวัดจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี (กำหนดวงเงินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 100 ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) และได้รับลดหน่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลอีกร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี หลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
2.กรณีโครงการที่ตั้งในพื้นที่นอกเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะต้องลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) อย่างน้อย 1 แห่งควบคู่กันไป จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี(กำหนดวงเงินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 100 ของเงินลงทุนโดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนของโครงการที่ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ)) เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมาช่วยพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยได้มากขึ้น