นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) เปิดเผยว่า แผนงานในปี 61 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 15-20% โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ทั้งหมดราว 1.2 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะรับรู้เป็นรายได้ราว 80-90% ในชวงครึ่งแรกของปีหน้า
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ โครงการมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาทที่เลื่อนมาจากปี 60 จะมีการรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปีหน้า รวมทั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจในเวียดนามจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 2/61 ซึ่งจะมีรายได้เข้ามา ประกอบกับสำนักงานตัวแทนในมาเลเซียและอินโดนีเซียเริ่มลงตัวสามารถดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ LED แทนผลิตภัณฑ์เดิมเพื่อประหยัดพลังงานจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโคม signature series ซึ่งบริษัทได้พัฒนาขึ้นสำหรับเจาะตลาดบน จะสามารถออกสู่ตลาดได้ในปี 61
"ปีหน้า L&E จะรุกตลาดต่างประเทศเต็มที่ โดยเฉพาะในตลาดเวียดนามเราได้เข้าไปตั้งบริษัทย่อยเพื่อเปิดสำนักงานโชว์รูมสินค้า คลังสินค้า และโรงงานผลิต เนื่องจากเวียดนามมีโอกาสการเติบโตสูง จากการเข้าลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มซีพี และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย โดยมองว่าประเทศเวียดนาม กำลังขยายตัวและมีความต้องการใช้สินค้าของบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย มีความคุ้มค่าที่จะลงทุน และมั่นใจที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี"นายปกรณ์ กล่าว
สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้ในปี 61 ราว 7-8% จากปี 60 อยู่ที่ 5% โดยจะเน้นกลุ่มประเทศ CLMV เป็นหลัก
บริษัทยังเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานโครงการใหม่จากภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งการเข้าร่วมงานอีเว้นท์และออกบูธที่เกี่ยวกับพลังงานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการในปี 60 จะอ่อนตัวเล็กน้อยประมาณ 5% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากมีการเลื่อนรับรู้รายได้และเลื่อนส่งมอบงานไปเป็นปี 61 ประมาณ 150 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำให้ราคาสินค้าทดแทนต่ำกว่าราคาสินค้าเดิม 20-30%
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงแม้ยอดขายลดลง เพราะผลจากอัตรากำไรเบื้องต้นที่ปรับตัวดีขึ้นจาก 28.3% ในปี 59 มาเป็นประมาณ 32% ในปี 60 ทั้งนี้เป็นผลจากการลดต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและอัตรากำไรของสินค้าทดแทนสูงกว่าของสินค้าเดิม ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลงเพราะการกู้ยืมเงินจากธนาคารลดลง
“ปกติที่ผ่านมาผลประกอบการไตรมาส 4 จะดีกว่าทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันใน Q4 ปีนี้ แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจาการเลื่อนการรับรู้รายได้งานโครงการออกไปเป็นช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปี 61 ส่วนราคาสินค้า LED ปรับตัวลดลง 20-30% ในปีนี้เป็นเพราะต้นทุนต่อหน่วยลดลงเพราะมีการผลิตและใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่ปีหน้าคาดว่าราคาขาย LED จะทรงตัว จึงประมาณการว่าปีหน้ารายได้จากการขายและบริการจะเพิ่มขึ้น 15-20% จากปีนี้รายได้จากการขายและบริการอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น" นายปกรณ์ กล่าว