TAKUNI คาดรายได้ปี 61 ทรงตัวจากปีนี้ตามดีมานด์ LPG ยังชะลอตัว เน้นขยายลงทุนธุรกิจอื่นเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 27, 2017 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) คาดว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 61 ในด้านรายได้จะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากทิศทางความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะลดลงใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ

แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะเน้นการขยายกิจการอื่นๆในกลุ่มมากขึ้น โดยในธุรกิจขนส่ง LPG ที่ชะลอตัวลงตามปริมาณการขายที่ลดลงนั้น บริษัทฯก็มาปรับเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นๆมากขึ้น อาทิ การขนส่งแอมโมเนียและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 10% ธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ให้บริการในธุรกิจก๊าซและน้ำมัน ในลักษณะ Engineering Procurement Construction (EPC) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานก่อสร้าง มูลค่าราว 500-600 ล้านบาท แต่ในส่วนนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ประกอบการรายดังกล่าวก่อน

ธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม จะรุกเข้าหาลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่ม โดยบริษัทฯเตรียมที่จะเปิดสำนักงานในจังหวัดระยอง 1 แห่ง ในปี 61 ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกบนที่ดินทำเลย่านบางแคแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใกล้ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค หลังจากเข้าซื้อที่ดินไว้แล้ว โดยคาดหวังว่าจะเห็นความชัดเจนในไม่ช้า โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวน 150 ยูนิต

นอกจากนี้บริษัทฯยังมองหาการลงทุนในธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯมีเสถียรภาพ และความแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

“ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันลงมาอย่างรวดเร็ว และทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้บริโภคหันกลับไปใช้น้ำมันมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขาย LPG ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ไม่ได้หยุดนิ่ง โดยไปเน้นการพัฒนางานด้านอื่นๆที่เรามีอยู่ ประกอบกับยังมองหาธุรกิจใหม่ๆที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแรงของบริษัทฯเพิ่มเติมด้วย"นางสาวนิตา กล่าว

นางสาวนิตา กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว

โดยปัจจุบัน บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด มีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 1,700 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเข้าไปรับรู้เป็นรายได้ในปี 61

อีกทั้งเตรียมจะเข้าประประมูลงานบางส่วนในงานก่อสร้างโรงกลั่นของ บมจ. ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 61 โดยเบื้องต้นคาดหวังจะได้งานมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท

“ตอนนี้งานของ ซี เอ แซด มีค่อนข้างมาก และเราเชื่อว่าหลังจากนี้งานจะมากขึ้นอีก จากทิศทางการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าหลายๆราย ซึ่งเราต้องการเงินมาเพิ่มเพื่อที่จะได้รับงานมากขึ้น เพราะปัจจุบันเรารับงานมาเต็มกำลังแล้ว หากจะเติบโตได้เราก็ต้องมีเงินเพิ่มอีก เราจึงมองว่าการเข้าไปอยู่ใน mai ก็ได้ทั้งความน่าเชื่อถือและแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทำระบบบัญชีต่างๆเหมือนกัน TAKUNI ซึ่งหากเป็นไปได้เราก็อยากจะจดทะเบียนเข้า mai ในปีหน้าเลย"นางสาวนิตา กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 1,652.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16.50 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ LPG ยังคงชะลอตัว โดยยอดขาย LPG ในตลาดรวมทั้งในส่วนของขนส่ง ตลาดปิโตรเคมี ครัวเรือน และโรงงาน ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ