(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลง เหตุ Sentiment เสียหลังหลุด 1,700 และปัจจัยขับเคลื่อนไม่ค่อยมี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 27, 2017 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง เนื่องจาก Sentiment ตลาดเสียหลังหลุดแนว 1,700 จุด และปัจจัยขับเคลื่อนก็ยังไม่ค่อยมี อีกทั้งยังต้องติดตามเหตุการณ์สำคัญในรอบสัปดาห์นี้ด้วย อย่างเรื่องความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนปัจจุบันที่จะพูดในวันพุธนี้ และถ้อยแถลงของประธานเฟดคนใหม่ที่จะพูดในวันอังคาร

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 3/60 ที่จะประกาศครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ และให้ติดตามตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมไปถึงติดตามร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่วุฒิสภาจะพิจารณา-โหวตเสียงในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ด้วย เพราะจะมีผลต่อตลาดฯ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ อาจเป็นแรงขายอันเป็นผลจากความไม่แน่นอนในหลายปัจจัย พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ซึ่งหากดัชนีฯอ่อนตัวลงมาแถว 1,680-1,685 จุด มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,700 ถัดไป 1,707-1,710 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,557.99 จุด เพิ่มขึ้น 31.81 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,602.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด (+0.21%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,889.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.80 จุด (+0.32%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 106.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.16 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 17.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.74 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 พ.ย.60) 1,695.84 จุด ลดลง 11.54 จุด (-0.68%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 724.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 พ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 พ.ย.60) ที่ 7.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.67 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์ มองกรอบ 32.65-32.75
  • "สภาพัฒน์" เตรียมชง ครม.สัญจร "พัฒนาภูมิภาคด้ามขวาน" เน้นรักษาชื่อเสียงการท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมกันไปกับการพัฒนาทุกภาคส่วนให้เป็นมาตรฐานสากล ดัน "แปรรูปเกษตรควบคู่การอนุรักษ์-เชื่อมโยงการค้า การลงทุน กับภูมิภาคอื่นทั่วโลก ส่วนการพัฒนาชายแดน เน้นขยายผลเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
  • สำนักงานก.ล.ต.เตรียมใช้เกณฑ์ให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายงานซื้อขายดีดับบลิวต้นปีหน้า ด้านผู้บริหารบจ.พร้อมปฏิบัติตามแต่ขอรอดูแนวทางการเปิดเผยข้อมูลด้านเคจีไอประเมินผู้ลงทุนถือครองดีดับบลิวระยะยาวขึ้น
  • แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำลังพิจารณาข้อเสนอของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ที่ขอปรับปรุงการใช้งานคลื่น 2300 เมกะเฮิรตซ์ รองรับบริการ บรอดแบนด์ ไวร์เลส แต่กลับนำคลื่นความถี่ออกไปให้บริษัทเอกชนนำไปให้บริการต่อในลักษณะ MVNO หากข้อตกลงเป็นคู่ค้าพันธมิตรทีโอทีและเอกชนผ่านมีหวังแผนการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ที่ กสทช.หวังดึงเม็ดเงินจากการประมูลเข้ารัฐนับแสนล้านบาท มีหวังไม่เป็นไปตามแผน
  • ในวันที่ 27 พ.ย. นี้หอการค้าภาคใต้ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ พิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาคใต้มูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เนื่องจากภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพแต่ไม่ได้มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่มาหลายปีแล้ว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BJC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 68 บาท คาดกำไร Q4/60 สูงสุดของปี เนื่องจากทั้ง 3 ธุรกิจของ BJC เติบโตดี อีกทั้ง BIGC มีกำไรเพิ่มขึ้นโดย SSSG เป็นบวกต่อเนื่องและเปิดสาขาเพิ่มขึ้น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการขาย มีการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว และอาจได้ผลบวกจากเครดิตภาษีจากการปรับโครงสร้างบริษัท ส่วนในปีหน้าคาดกำไรเติบโตได้จากทุกธุรกิจเช่นกัน โดยมีการเปิดสาขาต่อเนื่อง ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มกำลังการผลิตขวดแก้ว
  • TASCO (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 25.25 บาท ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2560-2562 ลง10.1%/5.1%/2.4% ตามลำดับโดยเหตุผลหลักมาจากการปรับลดปริมาณยอดขายลง 7%/4.7%/2.4% เพื่อสะท้อนปัญหาจากการปิดโรงกลั่นยางมะตอยที่มาเลเซียช่วงไตรมาส 4/60 จากการขาดแคลนวัตถุดิบ (น้ำมันดิบหนัก) อย่างไรก็ตามมองกำไรสุทธิจะฟื้นตัวได้ดีในปี 61-62 ที่ 20.5%/19.2% จากปริมาณอุปสงค์ยางมะตอยทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นของราคายางมะตอย โดยมองปัญหาการปิดโรงกลั่นที่มาเลเซียจะเป็นเพียงปัจจัยที่กดดันผลการดำเนินงานในระยะสั้นเท่านั้น
  • MODERN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.80 บาท ได้รับมุมมองที่ดีจากผู้บริหารต่อการฟื้นตัวของกำไรใน Q4/60 ซึ่งจะได้แรงหนุนทั้งจากการกลับมาโตของตลาดออฟฟิตสร้างใหม่ ตลาดค้าปลีกให้กับกลุ่มครัวเรือนที่ได้แรงผลักดันจากช็อปช่วยชาติ และการรับรู้รายได้ตกแต่งห้องผ่าตัดของโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ที่มีงานในมือกว่า 400 ล้านบาท เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ Q4/60 ที่ 75 ล้านบาท ชะลอลง Q-Q เพราะ 3Q60 มีกำไรพิเศษ 20 ล้านบาท หากหักออก กำไรปกติจะทรงตัว Q-Q แต่โต 12% Y-Y ถ้าเป็นตามนี้ กำไรทั้งปีจะเกินคาดที่ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% Y-Y ส่วนปีหน้าคาดโตสูง 47% Y-Y จากการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์, การขยายตลาดใหม่เช่น งานราชการ, การควบคุมต้นทุน, และกำไรของโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ที่จะเร่งตัว ก่อนเข้า MAI ใน Q4/61
  • IRPC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมี แม้ช่วงสั้นราคาพลังงานที่ขึ้นอาจทำให้ส่วนต่างของ IRPC ที่ใช้แนฟทา เด่นน้อยกว่าปิโตรเคมีอื่นก็ตาม แต่ยังได้อานิสงส์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพต่าง ๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ