นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินทิศทางหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ( 27 พ.ย- 1 ธ.ค. ) ว่า การพักฐานของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ยังคงมีอยู่ เนื่องด้วยระดับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา โดยแรงขายหุ้นมีเข้ามามากเมื่อดัชนีฯ แตะระดับ 1,720 จุด แรงขายจะมาจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก และด้วยปัจจัยของตลาดในสัปดาห์นี้ มีไม่มากนักและยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆ เป็นส่วนหนึ่งให้ตลาดขาดปัจจัยหนุน ดัชนีฯจึงเคลื่อนไปไม่ได้ไกลนัก
ปัจจัยสำคัญยังอยู่ที่เรื่องของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครพับลิกัน ซึ่งเป็นการปรับลดเงินได้ภาษีนิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ 35% ได้ผ่านสภาผู้แทนฯของสหรัฐฯแล้ว ตลาดมีกำลังติดตามต่อว่าหลังจากนี้มติดังกล่าวจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงฯ ไปได้หรือไม่ หรือมีการแก้ไขเนื้อหาด้วยหรือไม่ ซึ่งเราคาดว่าจะรู้ผลก่อนช่วงคริสต์มาส ขณะที่การรายงานตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 3/60 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ตลาดคาดไว้ที่ 3.3% ส่วนเรื่องราคาน้ำมันดิบเริ่มมีการปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ราว 53 ดอลลาร์/บาร์เรล KTBST มองว่าราคาน้ำมันดิบมีเสถียรภาพมากขึ้นและมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้หลังการประชุมกลุ่ม OPEC ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ คาดว่าในช่วงสุดท้ายของปีจะมีการอนุมัติโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นการอัพเดทโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งการคาดการณ์ยอดลงทุนในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายแตะ 7 หมื่นล้านบาท และยังระบุว่ามีนักลงทุนกว่า 100 รายแสดงความสนใจในการเข้ามาลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระยะแรก และที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีการอนุมัติให้ลงทุนในเขต EEC ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมไม่เกิน 10 ปี
ส่วน แรงซื้อหุ้น LTF-RMF นั่นโดยปกติช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีเม็ดเงินจาก LTF-RMF คาดว่าจะได้เห็นมากขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ รวมถึงการทำ window dressing ในช่วงเดือนธันวาคม
"กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้เนื่องด้วยดัชนีฯและราคาหุ้นตัวหลักๆ ถือว่าอยู่ในระดับสูง ขาดปัจจัยใหม่ๆ กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ เราแนะให้ขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก โดยเทียบกับราคาที่เหมาะสมของหุ้น เลือกขายหุ้นที่มี upside เหลือน้อยก่อน ส่วนการเข้าลงทุนควรเลือกเป็นรายตัว เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะเล่นในลักษณะวนหุ้นเล่นไปเรื่อยๆ (stock rotation) จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาในตลาด คาดดัชนีฯ สัปดาห์นี้ยังคงแกว่งในกรอบ 1,680-1,730 จุด หุ้นแนะนำ TOP, KKP, SPALI, CENTEL, JWD" นายวิน กล่าว