นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟ แอนด์ บี จำกัดผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ ทิปโก้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “ทิปโก้ มี (TIPCO Me)"น้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมกลุ่มน้ำตาลน้อยและแคลอรี่ต่ำ โดยยังคงมีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ถูกใจผู้บริโภคTIPCO Me จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพและดูแลใส่ใจตัวเองอย่างแท้จริง
ส่วนรายได้ของ บมจ.ทิปโห้ฟูดส์ (TIPCO) ในปี 60 คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากภาพรวมตลาดได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา แต่บริษัทได้หันไปเน้นการทำกำไรและลดต้นทุนเพื่อทำให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น
นายเอกพล คาดว่า ยอดขายในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดขาย 5.3 พันล้านบาท เนื่องจากตลาดในประเทศซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทหันมาเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมากขึ้นมาที่ 18% จากปีก่อนอยู่ที่ 16-17% และคาดว่ากำไรจะดีกว่าปีก่อน หลังจากงวด 9 เดือนแรกกำไรเติบโตไปแล้ว 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตและบริหารจัดการได้ดี
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดรวมน้ำผลไม้ปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่ง TIPCO มีส่วนแบ่งตลาดราว 12% ถือเป็นอันดับหนึ่ง โดยจำนวนนี้เป็นตลาดน้ำผลไม้พรีเมี่ยม มูลค่า 5 พันล้านบาท TIPCO มีส่วนแบ่งตลาด 29% ก็เป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน
"ปีนี้ยอดขายภาพรวม flat แต่ทิปโก้ไม่ drop กำไรดีขึ้น ต้นทุนต่ำ ตลาดต่างประเทศเราเข้มแข็ง... เรามีสินค้าใหม่ๆออกปีละ 5 สินค้า สร้างความตื่นเต้นกับตลาด"นายเอกพล กล่าว
ส่วนแนวโน้มปี 61 คาดว่าตลาดน้ำผลไม้จะเติบโตกว่าปีนี้ตามแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ และคาดว่าตลาดต่างจังหวัดจะฟื้นตัวขึ้น
นายเอกพล กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ "ทิปโก้ มี"(TIPCO Me) น้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมกลุ่มน้ำตาลน้อย และแคลอรี่ต่ำ ที่ยังคงรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ถูกใจผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นทางเลืกกใหม่ของคนรักสุขภาพและดูแลใส่ใจตัวเอง ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายจับที่กลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มคน Gen X และ Gen Y
ทั้งนี้ ตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยมกลุ่มน้ำตาลน้อยและแคลอรี่ต่ำ คาดว่าจะมีมูลค่าเติบโต 500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำผลไม้ราว 10% และ TIPCO คาดว่ามีส่วนแบ่งตลาดครึ่งหนึ่ง หรือมียอดขายราว 200-250 ล้านบาท ในช่วง 3-5 ปีจากนี้
"ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ตั้งแต่ต้นปีมานั้นมีการเติบโตลดลง แต่ตลาดน้ำผลไม้ประเภทมีแคลอรี่ต่ำหรือน้ำตาลน้อยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 77 ล้านบาท กลับมีอัตราการเติบโตสูงถึง 51% นับเป็นตลาดที่น่าจับตามองและยังเป็นตลาดที่ยังไม่มีแบรนด์ใดเข้ามามากนัก ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้โดยส่งผลิตภัณฑ์"ทิปโก้ มี"เป็นสินค้านำร่องโดยคาดหวังผลิตภัณฑ์มั่นใจว่าจะได้เป็นผู้นำตลาดกลุ่มนี้ตามเป้าฯ ที่วางไว้อย่างแน่นอน"นายเอกภล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้งบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท ผ่านสื่อดิจิตอล โฆษณา ณ จุดขาย กิจกรรมโรดโชว์ และการแจกชิมทั่วประเทศ. รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆและการจัดแคมเปญ CSR เพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์ทิปโก้ กับผู้บริโภคมากขึ้น