นายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (MJD) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 61 ทั้งหมด 3-4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 8 พันล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยจะมี 2 โครงการที่จะเปิดขายในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ โครงการ MUNIQ หลังสวน มูลค่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับสิงคโปร์ สัดส่วนการถือหุ้น 51:49 เปิดตัวในไตรมาส 1/61 ราคาขายเฉลี่ย 300,000 บาท/ตารางเมตร
ส่วนโครงการที่ 2 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมย่านถนนพหลโยธิน เนื้อที่ 5 ไร่ มูลค่าโครงการอยู่ระหว่างการประเมิน และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2/61
ขณะที่อีก 1-2 โครงการที่เหลือ บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินใหม่ ซึ่งยังคงเน้นพัฒนาทำเลในกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านสาทร สุขุมวิท ลาดพร้าว และพหลโยธิน โดยตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินที่ 4 พันล้านบาท สำหรับรองรับการพัฒนาโครงการที่ยังไม่มีที่ดินในปีหน้าและในปีถัดๆ ไป
นายสุริยา กล่าวว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 61 จะเติบโตขึ้นจากปีนี้ โดยเฉพาะในแง่ของรายได้ จากการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่สร้างเสร็จและทยอยโอนในตั้งแต่ช่วงต้นปี เป็นโครงการขนาดใหญ่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ MARQUE สุขุมวิท มูลค่า 6 พันล้านบาท และโครงการ M JATTUJAK มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรได้
ด้านแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า คาดว่าจะเห็นความคึกคักมากขึ้น โดยพาะในช่วงครึ่งปีแรก จากการเปิดโครงการจำนวนมากของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่พัฒนาเองและโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ หลังจากช่วงที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มมีการระบายสต๊อกไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้ซัพพลายด์เริ่มลดลง
ขณะเดียวกันภาพรวมของปัจจัยในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความชัดเจนของการเลือกตั้ง ส่งผลต่อความมั่นใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้กับมาดีขึ้น อย่างไรก็ตามในแง่ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แต่ละบริษัทต้องมีความรอบคอบในการพัฒนาโครงการในแต่ละทำเล
นายสุริยา ยังเปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสร่วมกับพันธมิตรต่างชาติ ซึ่งมองว่าเป็นโครงการที่มีความน่าสนใจในการลงทุน เพราะรูปแบบโครงการมีความหลากหลาย และสามารถสร้างรายได้ประจำให้กับบริษัท โดยอาจจะเป็นการพัฒนาทั้งคอนโดมิเนียม พื้นที่ค้าปลีก และอาคารสำนักงาน ปัจจุบันอยุ่ระหว่างการมองหาที่ดินที่จะต้องเป็นที่ดินแปลงใหญ่
สำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบซุปเปอร์ลักชัวรี่ โครงการ มาร์ค สุขุมวิท จำนวนยูนิตเพียง 148 ยูนิต บนอาคารสูง 222 เมตร แต่ละชั้นมียูนิตมากสุดเพียงแต่ 4 ยูนิตเท่านั้น แต่มอบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากถึง 4 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ชั้น 7 ชั้น 43 และชั้น 50 โดยเฉพาะลูกค้าที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย คลับเฮ้าส์ (Club House) บนชั้น 7 ของอาคาร จะเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมโดยเฉพาะห้องจำลองการเล่นกอล์ฟ โดยห้องจำลองการเล่นกอล์ฟ (Golf Simulator) ที่เป็นสุดยอดไฮไลท์ของคลับเฮ้าส์นี้
Golf Simulator ที่อยู่ในคอนโดมิเนียมในขณะนี้ ได้รับการดูแลจากทีม OB CLUB ผู้นำเรื่องการให้บริการการเล่นกอล์ฟในร่มรายแรกและรายเดียวของเมืองไทย ลูกค้าที่เป็นกอล์ฟเลิฟเวอร์จะต้องประทับใจ เพราะเข้ามาซ้อมไดร์ฟและออกรอบในห้องที่นี่ เปรียบเสมือนกับได้ยืนอยู่บนเลย์เอาท์สนามจริง ด้วยเครื่องซีมูเลเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นกอล์ฟในร่ม (Indoor) อย่างสมบูรณ์แบบสามารถซ้อมเหมือนอยู่ในไดร์ฟวิ่งเรนจ์ หรือออกรอบได้มากกว่า 170 สนามชื่อดังทั่วโลก