หุ้น JKN ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 8.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+9.38%) จากราคาขาย IPO ที่ 8 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,130.75 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 9 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.90 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.60 บาท
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล มั่นใจว่า หุ้น JKN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายวันแรก โดยในงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2560 ที่ผ่านมานั้น JKN มีรายได้รวม 873.60 ล้านบาทเพิ่มจากงวดเดียวกันของปี 2559 เท่ากับ 280.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 47.25 โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ค่าสิทธิ์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.24 ของรายได้รวมในงวดเก้าเดือนปี 2560 ในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 เท่ากับ 176.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2559 เท่ากับ 39.96 ล้านบาท
หลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นที่เรียบร้อย บริษัทฯ มีแผนดำเนินธุรกิจสถานีข่าว ช่อง CNBC Thailand และผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา รายการที่ผลิตจะมีโครงสร้างตามรูปแบบของแบรนด์ CNBC และใช้พิธีกรรวมถึงผู้ดำเนินรายการคนไทย ในการผลิตรายการเพื่อออกอากาศในช่อง JKN CNBC
นอกจากธุรกิจสถานีข่าวช่อง CNBC Thailand และการผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC บริษัทฯ ยังได้รับสิทธิ์ในการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่ผลิตและออกอากาศในต่างประเทศ มาทำการตัดต่อ แปล และพากษ์เสียงภาษาไทยสำหรับจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์เพื่อออกอากาศในประเทศไทย ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้เริ่มจำหน่ายคอนเทนต์รายการภายใต้แบรนด์ CNBC ให้แก่ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์แบบดิจิตอล เช่น ช่อง 3 และ Bright TV และในอนาคตมีแผนจำหน่ายคอนเทนต์ให้แก่ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์รวมถึงช่องทางการเผยแพร่อื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป
“เรามีความมั่นใจในแผนการผลิตรายการภายใต้แบรนด์ CNBC เพื่อต่อยอดธุรกิจจัดจำหน่ายคอนเทนต์และธุรกิจสถานีโทรทัศน์ ซึ่งจะผลักดันให้ JKN เป็นผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากลและนำเข้าคอนเทนต์ชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเผยแพร่ในไทยและกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงเป็นผู้ผลิตและถือครองลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพเพื่อจำหน่ายและเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสารทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่นคง"นายจักรพงษ์ กล่าว