นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังจากที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว ทำให้สร้างความกังวลในตำแหน่งของ"ทรัมป์"
ทั้งนี้ แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯได้อนุมัติผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯแล้ว แต่เชื่อว่ายังต้องใช้ระยะเวลาในการรวมร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีกับฉบับที่สภาผู้แทนราษฏรได้ผ่านร่างมติไปเมื่อครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น กว่าจะนำมาใช้ได้ก็คงจะเป็นปีหน้า
แต่ที่ต้องติดตามเป็นการการพิจารณางบประมาณใช้จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐฯในสหรัฐฯชั่วคราว ซึ่งจะต้องอนุมัติงบฯให้แล้วเสร็จภายใน 8 ธ.ค.นี้ ดังนั้นทิศทางตลาดฯจึงเป็นการแกว่งในลักษณะรอความชัดเจนจากปัจจัยในสหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางลบ
ส่วนบ้านเราคาดว่าจะยังคงได้รับเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยรองรับความเสี่ยงจากต่างประเทศได้ พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,231.59 จุด ลดลง 40.76 จุด (-0.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.22 จุด ลดลง 5.36 จุด (-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,847.59 จุด ลดลง 26.39 จุด (-0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 123.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.06 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 35.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) 1,699.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,067.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.61 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ธ.ค.60) ปิดที่ระดับ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ธ.ค.60) ที่ 7.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.65 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งรับวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.ปฏิรูปภาษี
- ผู้ประกอบการค้าปลีกรับ อานิสงส์ "ช็อปช่วยชาติ" แรงส่งเชื่อมั่น-สร้างบรรยากาศจับจ่าย ลูกค้าเพิ่ม 20% ยอดขาย พุ่ง 10-17% กลุ่มเครื่องสำอาง-แฟชั่น-โฮมขยับ เดินหน้าผนึกพันธมิตรคู่ค้าอัดฉีดแคมเปญ ต่อเนื่องธ.ค. เร่งเครื่องกระตุ้นยอดเทศกาลปีใหม่ หวังปิดรายได้ปีนี้เข้าเป้า ขณะค่ายบัตรเครดิต เผยยอดรูดบัตรเพิ่ม
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอมา คือ 2.5% บวกลบ 1.5% หรืออยู่ในช่วง 1-4% ซึ่ง ธปท. ยืนยันกับคลังว่า ยังเป็นระดับที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 4-5% อย่างที่ รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ และคาดว่าคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกลางเดือน ธ.ค. 2560 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 ม.ค. 2561
- นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) จะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยจะเร่งจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) และ รฟท. ก่อนวันที่ 21 ธ.ค. เพื่อให้ ทล.สามารถเปิดหน้างานเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนดการ
- ธพ. จ่อชง รมว.พลังงาน ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ใช้กลไกกำหนดราคาให้เท่าแก๊สโซฮอ์ 95 ขณะที่กระทรวงพลังงาน อนุมัติเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ติดโซลาร์เซลล์ ม.นราธิวาสฯ ชี้ช่วยลดค่าไฟ 8.32 ล้านบาท/ปี
- AOT ปลื้มหลังปลดธงแดง 2 เดือน แอร์ไลน์คึกรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดันสนามบินดอนเมืองรายได้กระฉูด ทัวร์จีนแน่นสุวรรณภูมิ ฟุ้งช่วงไฮซีซั่นปีนี้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.2% มีเที่ยวบินใช้บริการ 143,238 เที่ยวบิน เผยความคืบหน้างานเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดได้ตัวเอกชนกลางเดือน ธ.ค.นี้แน่
*หุ้นเด่นวันนี้
- IMPACT (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 15.60 บาท ปรับประมาณการกำไรเพิ่มชึ้น 9-13% ในปี FY2560-62 แม้ว่าสถานการณ์การจัดงานจะอ่อนตัวในเดือน ต.ค. แต่ IMPACT ได้รับงานใหม่ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าเช่า (OCR) อยู่ที่ 48-50% ในไตรมาส 3/FY2560 (เทียบกับ 43% ในไตรมาส 3/FY2556) พร้อมคาดว่าอัตราเงินปันผลตอบแทนปี FY2560-2562 จะอยู่ที่ 5.4-5.7% ซึ่งน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในกลุ่มที่ 5% และอัตราผลตอบแทนรวมของผู้ถือหุ้น (TSR) ที่ 14% การเริ่มเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ในปี 2564 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ IMPACT อย่างมากเนื่องจากปัจจุบัน IMPACT เป็นแห่งเดียวที่ยังไม่เชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ
- ERW (ไอร่า) เป้า 9 บาท เดินแผนโรงแรม HOP INN ปูพรมขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หนุนรายได้พุ่งต่อเนื่อง 11 เดือนยอดจองห้องพักสูงถึง 81% เดินหน้าปี 2561 เปิดอีก 11 โรงแรมทั้งไทย-ฟิลิปปินส์
- STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 31.80 บาท ประกาศได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองเพิ่ม 7 พันล้านบาท หนุน Backlog ทำ All Time High ที่ 1.09 แสนล้านบาท (คิดเป็น 6 เท่าตัวของรายได้ปี 2559) เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนประเด็น พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างใหม่เป็นลบเพียงระยะสั้น เพราะสุดท้ายงานจะถูกระบายออกมามากขึ้นในปีหน้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สีส้มตะวันตก ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และรถไฟทางคู่เฟส2 คงคาดการณ์กำไรปีนี้ +28% Y-Y และ +45% Y-Y ในปีหน้า